เกือบ 17 ชม. ของเดินทาง จากที่ต้องเผชิญกับการดีเลย์ของเครื่องบิน และสภาพอากาศอันเลวร้าย… ทันทีล้อเครื่องบินแตะรันเวย์สนามบินอิหม่านโคมัยนี่ (IKA) 4 สาว(เหลือ)น้อย ถอนหายใจเฮือกใหญ่!…โล่งอก ดีใจได้ถึงจุดหมาย… อิหร่าน ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ อาณาจักรเปอร์เซียที่ยิ่งใหญ่ในอดีต

ทริปเริ่มต้นจากเตหะราน(Tehran) เมืองหลวงของ อิหร่าน ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ และล่องลงสู่ใต้ไปยังเมืองซีราซ(Shiraz) กลับขึ้นมาทางเหนือสู่เมืองอิสฟาฮาน(Esfahan) เมืองคาซาน(Kashan) เมืองกุม(Qom) และเตหะรานอีกครั้ง แต่ละเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ งดงามแตกต่างกันไป

เตหะราน ระรานใจ

ที่เตหะราน ถนนหนทางสะดวกสบาย และมีรถไฟฟ้าใต้ดิน พวกเราสามารถเที่ยวกันเองได้ ราคาค่าโดยสารก็ถูกแสนถูก เฉลี่ยต่อเที่ยว 7,500 เรียล หรือราว 7 บาทเท่านั้น… ตู้โดยสารจะแบ่งไว้ชัดเจนสำหรับหญิงและชาย ภายในตู้โดยสารที่นอกจากแน่นขนัดด้วยผู้โดยสารแล้ว ยังเพิ่มสีสันด้วยแม่ค้า พ่อค้าที่ตะโกนขายของแบบเดลิเวอร์ลี่หลากหลายสินค้า ทั้งสร้อยคอ แหวน ชุดชั้นใน กระเป๋า ถุงเท้า เป็นต้น การจ่ายชำระถ้าไม่มีเงินสด ก็สามารถให้บัตรเครดิตรูดปื๊น ทันสมัยสะดวกสะบายมั่กมาก

แห่งแรกที่ไปเยือนคือพระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace) หรือพระราชวังกุหลาบ สถานที่ประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเตหะราน สร้างขึ้นราวสมัย คศ.ที่ 16  อลังการด้วยการตกแต่งภายในด้วยกระจกเงาตัดเหลี่ยมแบบเพชร ส่วนภายนอกตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบที่มีสีสันและลวดลายอันวิจิตร

พระราชวังมีให้เข้าชมทั้งหมด 10 โซน ค่าเข้ารวม 940,000 เรียล หรือประมาณ 900 บาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างแพง พวกเราจึงเลือกเข้าเพียง 2 โซน คือ โซนหลัก(Main Hall) ภายในที่ถูกตกแต่งด้วยงานกระจกตัดเหลี่ยมคล้ายเพชร ปะทะกับแสงไฟจากโคมไฟระย้า ส่องสะกาวงดงามเกินบรรยาย นอกจากนั้นยังมี สิ่งของเครื่องใช้โบราณจากนานาประเทศ เช่น ประเทศจีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น รัสเซียที่นำมามอบให้ แต่ละชิ้นสวยงามวิจิตรมาก และโซนบัลลังก์หินอ่อน (The Marble Throne) บัลลังก์ขนาดใหญ่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อบ่งบอกความมั่งคั่ง เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของพระราชวังวางบนระเบียงขนาดใหญ่ในอดีตสถานที่นี่ใช้เป็นที่แต่งตั้งกษัตริย์ในราชวงศ์ Qajar และในราชพิธีที่สำคัญๆ

ต่อด้วยการช้อปปิ้ง mujTehran Grand Bazaar ตลาดข้างพระราชวัง สินค้าหลักๆ คือ ถั่วนานาชนิดราคาถูก โดยเฉพาะถั่วพิสตาชิโอ เฉลี่ยกิโลละประมาณ 400-500 บาท ถ้าซื้อเมืองไทยก็เกือบ 1,000 …. ความงดงามของสถานที่ สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ตึงพวกเราให้ใช้เวลาในการถ่ายรูป อิ่มเอิมกับบรรยากาศ จากลิสต์สถานที่ยาวเหยียด ถูกจำกัดด้วยเวลา จึงเยือนได้อีกเพียง 2 แห่ง อีกแห่งคือ ตึกรูปตัววายคว่ำหัว Azadi Tower แลนด์มารค์หนึ่งของ อิหร่าน เป็นสัญลักษณ์การฉลองครบรอบ 2500 ปีของจักรวรรดิเปอร์เซียเและการปฏิวัติมุสลิม

ซีราซ…มหัศจรรย์แสงสวยมัสยิดสีชมพู

รุ่งขึ้นบินลงใต้สู่เมืองซีราซ(Shiraz) เมืองแห่งกวี วรรณกรรม ไวน์และดอกไม้ ตั้งแต่เมืองซีราซเราใช้บริการรถที่ติดต่อไว้กับเอเย่นต์ที่นั่น พร้อมกับไกด์มาช่วยแนะนำสถานที่ โดยใช้เวลา 2 วัน เที่ยวเมืองซีราซ หลายแห่งที่ได้ไปเยือน อาทิ ป้อมคาริม ข่าน (Karim Khan Fort)  มัสยิดวาคิล(Vakil) สุสานแห่งฮาเฟซ(Tomb of Hafez) ประตูกุรอ่าน (Qur’an Gate) สวนอีแรม (Eram Garden) เป็นต้น

สถานที่ประทับใจสุดๆ…. คือ มัสยิดนาซีร์ออล (Nasir ol Molk Mosque) หรือมัสยิดสีชมพู (Pink Mosque) เหตุที่เรียกเช่นนั้น เพราะลวดลายกระเบื้องที่ตกแต่งออกโทนสีชมพู ภายในมัสยิดจัดหน้าต่าง ประตูกระจกแก้วเป็นลวดลายรับแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเป็นสีสันสวยงดงามตระการตา แนะนำการถ่ายรูปถ้านำผ้าสีขาวผืนใหญ่คลุมแผ่ขยายรับปะทะกับแสงสีสันรูปภาพจะงดงามมาก

เดินทางต่อไปยังเมืองอิสฟาฮาน เมืองแห่งประวัติศาสตร์ ที่ถูกกล่าวขานเป็นว่าเมือง “ครึ่งหนึ่งของโลก” ประหนึ่งของแหล่งรวมอารยธรรม ศาสนา วิถีชีวิตต่างๆ ของคนบนโลกมาอยู่ที่แห่งนี้ ระหว่างเส้นทางแวะซีราซ เนโครโพลิส (Shiraz Necropolis) เมืองโบราณเปอร์ซีโปลิส (Persepolis) อนุสรณ์สถาน และเมืองที่บอกเล่าเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเปอร์เซียตั้งแต่ยุคกรีกโบราณผ่านมากว่า 2,000 ปี ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ด้วยสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่โอฬาร งานแกะสลักหินลวดลาย สัญลักษณ์ต่างๆ  ที่บอกเล่าเรื่องราวโบราณ แสดงถึงผลงานจากฝีมือมนุษย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์อันปราศจากเครื่องจักร หรือเครื่องทุ่นแรงใดๆ

ครึ่งหนึ่งของโลก “อิสฟาฮาน”

ถึงเมืองอิสฟาฮาน เมืองหลวงเก่า ที่ดูค่อนข้างร่ำรวย คึกคัก และเจริญกว่าซีราซ ถนนหนทางติดขัด ทว่ายังคงไว้ที่สถานศักดิ์สิทธิ์สำคัญ สถาปัตยกรรมงดงาม พร้อมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่นกัน ทั้งจัตุรัสอิหม่ามโคมัยนี่ (Imam Square) จัตุรัสเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในโลก  สะพานคาจู (KHAJU BRIDGE) สะพานข้ามแม่น้ำซายันเดห์ (ZAYANDEH) เป็นสะพานที่สร้างได้สวยงามตามแบบโบราณ พระราชวัง Hasht Behesht (ฮัซเบเฮซ) วังที่เป็นเหมือนสวรรค์ โบสถ์คริสต์ของชาวอาร์มาเนียนที่ Vank  Cathedral

ที่ซีราซเรานึกถึงมัสยิดสีชมพู แต่ที่อิสฟาฮาน เราต้องนึกถึงมัสยิดสีน้ำเงิน หรือมัสยิดอิมาม(Imam Mosque) ตั้งอยู่บริเวณ จัตุรัสอิหม่ามโคมัยนี่ ก็เพราะเหตุผลเดียวกัน คือ ความอลังการของมัสยิด ที่มั่งคั่งด้วยกระเบื้องเคลือบดินเผาออกโทนสีน้ำเงิน งานละเอียด ประดิษฐ์ประดับตกแต่งสัดส่วนอย่างงดงาม ภายในมัสยิดมีพบความพิเศษของโถงอาคาร ที่ปรากฏเสียงสะท้อน เมื่อพวกเราปรบมืออยู่กลางโถง นับเสียงสะท้อนกลับมาได้ประมาณ 7 ครั้ง  บ่งบอกถึงความชาญฉลาดภูมิปัญญาของคนในอดีต การออกแบบอาคารเสียงสะท้อน ปะหนึ่งเป็นเครื่องขยายเสียง เมื่อเวลามีพิธีการงานต่างๆผู้คนที่มาร่วมงานจำนวนมากได้ฟังรับอย่างทั่วถึง

ในบริเวณใกล้เคียง มีมัสยิดชีคห์ ลอทฟอลลาห์(Sheikh Lotfollah Mosque) ซึ่งสร้างโดย ชาห์ อับบาสที่ 1 เช่นเดียวกัน นับได้ว่าเป็นมัสยิดที่งดงามที่สุดในอิหร่าน หลังคาโดมของมัสยิดออกแบบเล่นกับแสงพระอาทิตย์ ตรงกลางของโดมมีรูปนกยูง ยืนเบื้องล่างมองขึ้นไปในทิศที่แสงตะวันลอดผ่านจะเห็นแสงนั้นต่อกับรูปนกยูงเป็นหางยาวสวยงามอัศจรรย์อ้าปากค้างเลยทีเดียว

จบภารกิจที่อิสฟาฮาน ขยับขึ้นทางเหนือสู่เมืองคาซาน เมืองเก่าที่มีชื่อเสียงด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องเคลือบ และการทอผ้า ระหว่างทางแวะ อับยาเนต์ (Abyaneh) หมู่บ้านเล็กๆ เรียบง่ายสงบ กลางหุบเขา โครงสร้างที่ทำจากดินเหนียว ทำให้โทนหมู่บ้านออกมาเป็นสีชมพูแดง ผู้คนส่วนใหญ่ที่พักอาศัยเป็นผู้สูงอายุที่เกษียณจากงานแล้ว ตอนที่พวกเราไป บรรยากาศค่อยข้างเงียบเหงา ไม่มีผู้คนปรากฎเท่าใดนัก เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวอากาศจะหนาวมาก ปู่ ย่า ตา ยาย เลยย้ายไปอยู่กับลูกหลานในเมืองที่มีอากาศอุ่นกว่าชั่วคราว

สวนสวยสไตล์เปอร์เซีย ณ คาซาน

พักที่หนึ่งคืนที่คาซาน ณ โรงแรม Ehsan Traditional hotel ที่ปรับปรุงจากบ้านผู้ดีเก่า คงความเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมของวิถีชีวิตคนโบราณ พร้อมกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้จัดการและพนักงานของโรงแรม

วันสุดท้ายใน อิหร่าน พวกเรามีเวลาครึ่งวันสำหรับทัวร์ในเมืองคาซาน เริ่มที่สวนฟิน(Fin Garden) สวยสวนสไตล์เปอร์เซีย ร่มรื่นด้วยต้นไม้และสระน้ำ กับความพิเศษของน้ำพุที่เกิดขึ้นจากกลไกของความดันน้ำ จากภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของชาวเปอร์เซียอีกเช่นเคย ภาพวาดจิตรกรรมบนฝาผนังและบนหลังคาอาคาร บอกเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ ชิงรักหักสวาท โดยมีไกด์ท้องถิ่นบรรยายได้อย่างสนุกเพลิดเพลิน

ไปต่อที่ Tabatabaei house เป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ของพ่อค้าพรม ที่บริจาคให้กับรัฐบาลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชมความอลังการบ้านที่เอกลักษณ์ ความเป็นอยู่คนคาซาน ลักษณะของคฤหาสน์ ลานโล่ง และสระน้ำอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยอาคารแบ่งเป็นห้องต่างๆ ที่น่าสนใจ คือ หอดักลมที่ช่วยระบายความร้อนในช่วงฤดูร้อน และให้ความอบอุ่นช่วงฤดูหนาว บริเวณใกล้เคียงมีร้านค้าให้พวกเราได้ช้อปปิ้งติดไม้ติดมือด้วยผลิตภัณฑ์กุหลาบที่ขึ้นชื่อของเมืองคาซาน ทั้งน้ำหอมกุหลาบ ชากุหลาบ แยมกุหลาบ เป็นต้น

ครึ่งวันก่อนถึงสนามบิน แวะเยือนเมืองกุม (Qum) เมืองศักดิ์สิทธิ์ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทั้งศาสนาและศิลปะวัฒนธรรม แห่งหนึ่งของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ เป็นบ้านเกิดของผู้นำทางศาสนาที่สำคัญ ของชาวอิหร่าน โดยเฉพาะท่านอยาตุลเลาะห์ โคมัยนี่ผู้นำการปฏิวัติที่เปลี่ยนแปลงการปกครองจาก ระบอบกษัตริย์สู่สาธารณรัฐอิสลาม เมืองที่เต็มไปด้วยความเคร่งครัด และศรัทธาในศาสนา ผู้หญิงจำเป็นต้องแต่งกายเสื้อผ้าเสื้อคลุม และผ้าคุมหัว(ฮิยาบ)เป็นสีดำ ให้บรรยากาศเมืองแห่งเวทมนตร์ ดังจินตนาการนวนิยายแฮร์รี่พอตเตอร์ มัสยิดที่สวยงาม ณ เมืองแห่งนี้ นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ใส่ชุดเสื้อคลุมดำ จำเป็นต้องเปลี่ยนชุดที่เจ้าหน้าที่จัดไว้เพื่อให้เหมาะสมเป็นเคารพต่อสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์

7 วันเต็มของการท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจสุดๆ จากเหตุ….

บังเอิญ…ได้ตั๋วราคาประหยัด

บังเอิญ…ไม่เปลี่ยนใจล้มเลิกทริป

บังเอิญ…พบปะน้ำใจคน อิหร่าน

บังเอิญ…สัมผัสกับสถานที่วิจิตร งดงาม อลังการ

อิหร่าน ไม่น่ากลัวอย่างทิ่คิด ปลอดภัย  เที่ยวง่าย กินง่าย เมืองที่มีมั่งคั่งไปด้วยเรื่องราว ประวัติศาสตร์ สถานที่ล้วนสวยและงดงามน่าทึ่ง ผู้คนเป็นมิตร ให้ความช่วยเหลืออย่างซาบซึ้ง, เมืองไม่คาดหวัง แต่เมื่อสัมผัสแล้ว กลับเป็นเมืองในฝัน ที่อยากกลับไปเยือนอีกครั้ง ไปเที่ยวกันค่ะ

—————————————————