ทำนายสุขภาพในแบบโหราเวชศาสตร์ ธาตุกำเนิดของเรา…บอกโรคร้ายที่ต้องระวัง

โดย | ม.ค. 6, 2022 | Health-Inspire, Health&Environment

แพทย์แผนไทยมีอายุยืนยาวมาหลายร้อยปี หมอยาที่เก่งฉกาจจะสามารถเชื่อมโยงมิติทางสุขภาพเข้ากับธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ ซึ่งผสานอย่างสมดุลอยู่ในตัวมนุษย์ปกป้องการเกิดโรค แต่เมื่อใดที่ธาตุมากหรือน้อยเกินไป…นั่นคือความผิดปกติ แพทย์แผนไทยจะวินิจฉัยเพื่อค้นหาที่มาและรักษาโรคที่เกิดขึ้น

ตามหลักทฤษฎีแพทย์แผนไทยโบราณ กล่าวไว้ว่า มนุษย์แต่ละคนจะมีธาตุเด่นประจำตัว 1 อย่าง เรียกว่า ธาตุเจ้าเรือน คำถามคือแล้วเราจะรู้ได้อย่างไร? ตรงนี้คือการนำหลักโหราศาสตร์มาเกื้อหนุน ไม่ว่าจะด้วยการคำนวณลัคนาราศีเกิด , เดือนเกิด หรือวิธีอย่างง่ายที่สุด ก็คือการดู “วันเกิด” เพื่อหา “ธาตุกำเนิด” ของผู้ป่วยนั่นเอง

“หัวใจของแพทย์แผนไทยคือการปรับสมดุลของธาตุทั้ง 4 ที่เรามีมาตั้งแต่แรกเกิด จะสัมพันธ์กับสุขภาพของเราไปตลอด ได้แก่ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ รวมเป็นความหมายของชีวิตทั้งนามรูปและจิตวิญญาณอยู่ในนั้นหมด มีธาตุเบาคือลมและไฟ เป็นพลังงานขับเคลื่อน ธาตุหนักคือดินและน้ำให้ทำงานได้ดี ทั้งหมดรวมกันเป็นอาการ 32 ประการ สะท้อนความเจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์”

พท.ป.เธียรธรรม อภิจรรยาธรรม แพทย์แผนไทยปฏิบัติการ สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกล่าวว่า การจะรู้ว่าธาตุกำเนิดของแต่ละคนเป็นอย่างไร เราจะอ้างอิงตาม “คัมภีร์ฉันทศาสตร์” ซึ่งเป็นวิชาการแพทย์ดั้งเดิมของบ้านเรา แนะนำไว้ว่าเบื้องต้นพิจารณาธาตุตัวเองได้ 2 แบบ คือดูจาก “วันเกิด” คือวันที่เราคลอดจากครรภ์มารดา หรือพิจารณาจาก “เดือนเกิด” ที่มารดาเริ่มตั้งครรภ์ขณะนั้นว่าเป็นเดือนอะไร ฤดูกาลเป็นอย่างไรก็ได้ ทั้งหมดย่อมจะส่งผลต่อทารกที่ปฏิสนธิคนนั้นว่าจะมีนิสัยใจคออย่างไร มีธาตุกำเนิดอะไร เป็นต้น

ธาตุตามความหมายของวันทั้ง 7 ในมิติแพทย์แผนไทยจะแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ คนเกิดวันอาทิตย์และวันเสาร์ คือธาตุไฟ , คนเกิดวันจันทร์และพฤหัสบดี คือธาตุดิน , คนเกิดวันอังคารและวันพุธกลางคืน คือธาตุลม และคนเกิดวันพุธกลางวันและวันศุกร์ คือธาตุน้ำ

สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนตัวตัวบุคลิกลักษณะและสุขภาพของมนุษย์ออกมาได้ค่อนข้างชัดเจน อาทิ คนเกิดวันอาทิตย์ธาตุไฟแรง เวลาป่วยจะมีอาการไข้สูง เป็นคนใจร้อน มีภาวะผู้นำ โกรธง่าย แสดงออกทันที เหมาะกับการดูแลสุขภาพด้วยการทำสมาธิ สวดมนต์ คุมอาหาร ช่วยเสริมธาตุในร่างกายได้ดี ส่วนคนวันเสาร์เป็นธาตุไฟเหมือนกันแต่เป็นไฟแรงน้อยกว่า เมื่อโกรธก็จะเก็บไว้ไม่แสดงออกชัดเจน

คนธาตุดิน คือผู้เกิดวันจันทร์เป็นดินชุ่มน้ำ อ่อนโยนรักสวยรักงาม ส่วนวันพฤหัสบดี จะเป็นดินแข็ง ดินแห้ง ดินภูเขา โครงสร้างร่างกายก็จะแข็งแรงมาก ป่วยยาก แต่จะสั่งสมจนถึงจุดหนึ่ง เมื่อไม่ดูแลร่างกายให้ดีๆ ธาตุดินแตกเมื่อไหร่ก็จะป่วยหนัก รักษายากและนานกว่าธาตุอื่นๆ

ส่วนคนธาตุลม คือคนเกิดวันอังคาร เป็นลมพายุ ลมกรด พุ่งร้อนแรง ดังนั้น คนเกิดวันอังคารมีแนวโน้ม บุคลิกคือทำอะไรคิดเร็วทำเร็ว จะป่วยง่ายกว่าเพราะความไม่นิ่งของธาตุ ส่วนคนเกิดวันพุธกลางคืนเป็นลมราหู คือซ่อนเร้น ไม่เปิดเผย ลมเฉื่อยๆ ครุ่นคิดวางแผน แต่สุขภาพที่ต้องระวังคือโรคปัจจุบันทันด่วนที่มองไม่เห็น เช่นหัวใจวายเฉียบพลัน โรควิบากกรรม โรคไหลตาย เป็นต้น

คนธาตุน้ำ ได้แก่วันพุธกลางวัน เป็นน้ำมหาสมุทร คือน้ำมากทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มง่าย ถ่ายบ่อย ท้องเสีย ประจำเดือนมามาก ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ร่างกายมีประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ หรือขับถ่ายลำบากแสดงว่าน้ำตามธาตุกำเนิดกับธาตุปัจจุบันเริ่มไม่สมดุลแล้ว จะมีปัญหาหนักต้องฟื้นฟูธาตุน้ำโดยเร็ว ส่วนคนเกิดวันศุกร์เป็นธาตุน้ำน้อยกว่า ร่างกายจะดูมีน้ำมีนวล ผิวพรรณดูดี ไม่อ้วนง่ายเหมือนคนวันพุธกลางวัน

“แพทย์จะมีแผนที่ว่าธาตุอะไรต้องระวังเกี่ยวกับสุขภาพในด้านใด เช่น คนเกิดวันอาทิตย์ ช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. หมายถึงวันเกิดและเดือนเกิดเป็นธาตุไฟทั้งคู่ จึงหิวง่าย กินบ่อย ปวดหัวตัวร้อนไข้ขึ้นสูงง่าย หรือเวลามาพบแพทย์แล้วปรากฎรูปร่างอ้วนอย่างนี้ถือว่าป่วยแน่นอน แต่ถ้าเกิดวันพุธ เดือนก.ค.หรือส.ค. เป็นธาตุน้ำแล้วอ้วนสมบูรณ์ อย่างนี้ถือว่าร่างกายไม่ผิดเพี้ยนไปจากธาตุกำเนิด เป็นต้น”

อีกรูปแบบคือการพิจารณาธาตุตาม “เดือนเกิด” โดยการนำเดือนที่ทารกเกิดนับย้อนถอยหลังไปประมาณ 9 เดือน ก็จะทราบช่วงเดือนที่เริ่มมีครรภ์ หรือมีการปฏิสนธิ เมื่อนำอายุครรภ์มาพิจารณาแล้วสามารถประมาณการ “ธาตุเจ้าเรือน” ได้ เช่น 

ธาตุดินเป็นเจ้าเรือน คือ ผู้เกิดระหว่างเดือนจันทรคติ 11-12-อ้าย ประมาณ ก.ย.-ธ.ค. สิ่งสำคัญควบคุมสุขภาพ เรื่องการทำงานของหัวใจ ระบบทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ อาการปวดตามข้อ ริดสีดวงทวาร มะเร็ง ควรรับประทานอาหารประเภท รสฝาด หวาน มัน เค็ม เช่น ผลไม้รสหวาน ฝักทอง เผือก มัน ถั่วต่างๆ น้ำอ้อย เกลือ ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา อย่ากลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ 

ธาตุน้ำเจ้าเป็นเจ้าเรือน คือ ผู้ที่เกิดระหว่างเดือนจันทรคติ 8-9-10 ประมาณ มิ.ย.-ก.ย. ให้ระวังเรื่องเสมหะ ไข้หวัด ทอมซิลอักเสบ ไซนัส มดลูกอักเสบ ไตอักเสบ ระบบไหลเวียนโลหิต ทางเดินหายใจ โลหิตจาง ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ระบบทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ควรทานอาหารรสเปรี้ยว ขม เช่น สะเดา มะนาว ส้ม สับปะรด ระวังการอยู่ในที่เย็น ดื่มน้ำเย็น เป็นต้น

ธาตุลมเป็นเจ้าเรือน คือ ผู้ที่เกิดระหว่างเดือนจันทรคติ 5-6-7 ประมาณมี.ค.-มิ.ย. ระวังโรคเครียด โรคนอนไม่หลับ โมโหง่าย หงุดหงิด ระบบประสาทนอกเหนืออำนาจจิตใจ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบรับความรู้สึก สมอง ไขสันหลัง สมองเสื่อม อัมพาต โรคความดันโลหิตสูง หน้ามืด เป็นลม ควรรับประทานอาหารรส เผ็ดร้อน เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย พริกไทย เป็นต้น

ธาตุไฟเป็นเจ้าเรือน คือ ผู้ที่เกิดระหว่างเดือนจันทรคติ 2-3-4 ประมาณ ธ.ค.-มี.ค. ควรระวังโรคเบาหวาน ตับอักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ความผิดปกติของฮอร์โมน เบาหวาน ไทรอยด์ ระบบย่อยอาหารอักเสบ ตับอักเสบ ภูมิแพ้ อาการไข้ตัวร้อนจัด ควรรับประทานอาหารรสขม จืด เย็น เช่น ผักบุ้ง ผักตำลึง ใบบัวบก ขี้เหล็ก ระวังการอยู่ในที่ร้อน อาหารปิ้งย่างทอด เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น

พท.ป.เธียรธรรม หรือ “หมอเธียร”  กล่าวว่า ปัจจุบันมีแพทย์แผนไทยประมาณ 2-3 หมื่นคน ครอบคลุมทั้งหลักเวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย ผดุงครรภ์ไทย และหมอพื้นบ้าน สามารถนำความรู้ในศาสตร์ดั้งเดิมไปใช้ประโยชน์และต่อยอดพัฒนาให้สอดคล้องกับแพทย์แผนปัจจุบันด้วยก็ได้ ประชาชนที่สนใจสามารถรับบริการตามคลินิกแพทย์แผนไทยที่มีอยู่ทั่วประเทศ อาจจะไม่มากเท่าแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ก็กำลังเป็นที่สนใจและได้รับความนิยมมากขึ้น

แพทย์แผนไทยจะมองคนเหมือนธรรมชาติ สามารถใช้องค์ความรู้วิเคราะห์ธาตุทั้ง 4 เพื่อตรวจสภาพร่างกายจากภายนอกได้ว่ามีอาการธาตุกำเริบหรือไม่ หมายถึงภาวะที่ธาตุใดธาตุหนึ่งทำหน้าที่มากผิดปกติ จนทำให้เกิดโทษขึ้น เช่น ธาตุไฟกำเริบ จะทำให้ตัวร้อนมีไข้ การกดผิวหนังถ้าบุ๋มลงไปเลยแสดงว่าน้ำเดินมาก ตรวจดูลิ้นถ้าเป็นฝ้าหนาหรือสีแดงมาก แสดงว่าความร้อนในตัวสูง หรือถ้าลิ้นแตกคือธาตุลมมาก เป็นต้น

ระบบที่สำคัญของร่างกาย เราเรียกว่า “ตรีธาตุ” คือการสั่งการควบคุมหรือขับเคลื่อนให้ธาตุไฟ ธาตุลม และธาตุน้ำทำงาน ต้องทำหน้าที่ได้ดีสอดคล้องกัน นำไปสู่ธาตุที่รับผลสุดท้ายคือ “ธาตุดิน” เปรียบเสมือนพื้นฐานของอวัยวะนั่นเอง เช่น ถ้าเปรียบไต คือดิน หากไม่ได้รับน้ำเพียงพอก็จะเกิดสัญญาณป่วยขึ้นมาจนถึงขั้นเสียชีวิต ไม่รักษาก็กลายเป็นโรคเรื้อรัง แพทย์แผนไทยจึงมุ่งให้เกิดการป้องกันไว้ก่อนดีกว่า โดยดูความสัมพันธ์ของธาตุ 

แพทย์แผนไทยจะไม่มุ่งเน้นเรื่องการผ่าตัดเป็นหลัก เพราะผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงธาตุดิน เมื่อธาตุดินเสียไปสุดท้ายจะกลับมาเป็นอีกก็ได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเรื่อง อาหาร สมุนไพร ยา สมาธิ อาจจะรักษาควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบันก็ได้ เราดึงส่วนดีมารวมกันเรียกว่าศาสตร์ “แพทย์แบบบูรณากา”