“ในอนาคตอันใกล้เราจะเห็นการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและพัฒนารูปแบบการส่งมอบที่ขับเคลื่อนด้วย ข้อมูล โซลูชันดิจิทัล และความร่วมมือ ทั้งหมดนี้จะอยู่เหนือพื้นที่และรูปแบบการแพทย์ดั้งเดิม”
Jan Meurer ประธาน Johnson & Johnson ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาเป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทดูแลผลิตภัณฑ์ยา เครื่องมือแพทย์ สุขภาพ และวิสัยทัศน์ใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้บริษัทยาอันดับหนึ่งของโลก
ที่ผ่านมา เขายังมีประสบการณ์ด้านนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมหลักในสหภาพยุโรป (EU) มีความสำเร็จทางการตลาดร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง P&G
การผ่านประสบการณ์ที่หลากหลาย ทรรศนะของ Jan Meurer จึงสำคัญและน่าสนใจมาก เพราะเขาไม่ใช่แพทย์โดยตรง ไม่ได้จบเภสัชศาสตร์ แต่เป็นนักการตลาด นักวิจัยข้อมูลผู้บริโภคชั้นเยี่ยม รวมถึงเข้าใจบริบททางสังคมและเทคโนโลยีที่จะ Reshape ระบบสุขภาพ
บทความ “TRANSFORMING HEALTHCARE ACCESS & DELIVERY THROUGH DIGITAL & INNOVATION” พลิกโฉมหน้าการเข้าถึงบริการและการส่งมอบบริการด้านสุขภาพผ่านระบบดิจิทัลและนวัตกรรม ข้อเขียนของประธาน Johnson & Johnson จากวารสาร “2021 ASEAN Business Outlook Survey : ASEAN’s Role in the Asia-Pacific” จัดทำโดยหอการค้าสหรัฐอเมริกาประจำประเทศสิงคโปร์ นับเป็นวิสัยทัศน์ที่กรุยทางไปข้างหน้า
สิ่งที่เขาเน้นย้ำคือ ผลกระทบจากโควิด-19 ไม่ใช่วิกฤตชั่วคราวแต่มีผลกระทบ “อย่างลึกซึ้ง” ต่อความเป็นอยู่ในอนาคตของทุกคน โดยเฉพาะในเรื่องการรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพได้ถูก Disrupt โดยเชื้อไวรัสนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ป่วยถูก “จำกัด” การเข้าถึงบริการต่างๆ การผ่าตัดศัลยกรรม การติดตามโรคขาดความต่อเนื่อง และขาดแคลนยาในพื้นที่ห่างไกล ฯลฯ
แน่นอนกว่า การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ “โซลูชัน” ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์แพทย์และผู้ป่วยได้มากที่สุด ซึ่งในความเห็นของ Jan Meurer แนวทางนี้จะเป็นเทรนด์ในอนาคต
“เมื่อมองไปข้างหน้า ภาวะโรคระบาดจะยังคงมีบทบาทสำคัญที่ผลักดันภาคธุรกิจและบริษัทต่างๆ เช่น Johnson & Johnson ให้ทลายผนังกั้นทั้ง 4 ด้านออกไป ทำให้เกิดการเข้าถึงการดูแลสุขภาพแบบใหม่และปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการสุขภาพอย่างสร้างสรรค์และเร่งความเร็วด้วยระบบดิจิทัล”
Jan Meurer บอกว่า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกอบด้วยเมืองใหญ่ ชุมชน และชนบทห่างไกล โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพของเราจำเป็นต้องตอบสนองต่อภูมิศาสตร์และความหลากหลายทางประชากร แต่เราก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วให้เข้าถึงด้านผลิตภัณฑ์ การจัดหาเวชภัณฑ์ให้โรงพยาบาล การผ่าตัดทางเลือก การสนับสนุนศัลยแพทย์ในห้องผ่าตัด ยานวัตกรรมสำหรับโรคติดเชื้อ ที่สำคัญที่สุดคือเราเร่งพัฒนาและสร้างดิจิทัลโซลูชันในการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้มีข้อจำกัดในการเข้าถึง
“เราดำเนินการสัมมนาแบบเสมือนจริงในโลกออนไลน์ (webinars) และส่งเสริมการศึกษาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องร่วมกับพันธมิตร สร้างสะพานเชื่อมบนโลกออนไลน์กับแพทย์และผู้บริโภค เช่นการไลฟ์สตรีมหรือเวอร์ชวล เกี่ยวกับวิธีการปกป้องสุขภาพของตนเองและคนที่รัก”
ตัวอย่างหนึ่งคือการเปิดตัว Neuroscience Academy ในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นชุดการเรียนรู้ออนไลน์ที่เน้นการจัดการทางคลินิกของโรคจิตเวช ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้จิตแพทย์ชาวฟิลิปปินส์มีโอกาสเรียนรู้อย่างต่อเนื่องในช่วงการระบาด
เราทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรอีคอมเมิร์ซและลูกค้ารายย่อยเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์สุขภาพ ผู้บริโภค และการดูแลของเรา ยังคง “โฟกัส” พร้อมใช้งานออนไลน์ ท่ามกลางคำสั่งซื้อจำนวนมากจากการล็อกดาวน์ของประเทศ
Jan Meurer ใช้คำว่า “Healthcare for all” โดยดิจิทัลและนวัตกรรม “ในฐานะหนึ่งในบริษัทด้านการดูแลสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก Johnson & Johnson มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีสุขภาพสำหรับมนุษยชาติทั้งหมด ในการทำเช่นนั้น เราลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Robotics รากฟันเทียม 3 มิติ โครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือดิจิทัลอื่นๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนผลิตภัณฑ์และยามีความเฉพาะตัวมากขึ้น เราพยายามพัฒนาเครื่องมือที่ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์แก่ศัลยแพทย์ในการทำหัตถการที่แม่นยำยิ่งขึ้น”
ทั้งหมดนี้ คือการก้าวไปข้างหน้าเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เร่งการเติบโตของดิจิทัล มันแผ่ซ่านไปทั่วทุกด้านของชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่าง การสร้างออฟฟิสแบบเสมือนจริง การประชุมผ่านดิจิทัล ธนาคารออนไลน์ การเรียนรู้ออนไลน์ ร้านขายของชำ และการจัดส่งยา และระบบสุขภาพทางไกล (telehealth)
ในอนาคตอันใกล้ เราจะเห็นการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและการส่งมอบที่พัฒนาบริการซึ่งขับเคลื่อนโดยข้อมูล โซลูชันดิจิทัล และความร่วมมือทั้งหมดนี้จะอยู่เหนือพื้นที่และรูปแบบต่างๆ “ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มนวัตกรรมการดูแลสุขภาพดิจิทัลเป็น 2 เท่า และการลงทุนที่สำคัญเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เราปรับภูมิทัศน์ด้านการดูแลสุขภาพอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ เร่งความพยายามของเราในการผ่าตัดดิจิทัล (digital surgery) ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Ai) ตลอดจนร้านขายยาอิเล็กทรอนิกส์ (e-phamacy) และบริการสุขภาพทางไกล (telehealth)”
เราได้ลงทุนในข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจและสร้างโซลูชันส่วนบุคคล สำหรับผู้ป่วยในช่วงต่างๆ ของชีวิตและสุขภาพ ลงทุนในการฝึกอบรมและการศึกษาผ่านศูนย์นวัตกรรมผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพของ Johnson & Johnson และสถาบัน J&J ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ผ่านดิจิทัลของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เราจะสามารถเข้าถึงและฝึกอบรมแพทย์ได้มากขึ้น เช่นเดียวกับการผดุงครรภ์ พยาบาล และอาสาสมัครในชุมชน ที่มีภาระหนักต้องผิดชอบสุขภาพของคนในชุมชนและชนบท
นอกจากนี้ เรากำลังเร่งสำรวจความร่วมมือด้าน telehealth และบริการ e-pharmacy เพื่อมอบประสบการณ์ผู้ป่วยแบบ end-to-end ที่ราบรื่นไร้รอยต่อ ตั้งแต่การวินิจฉัยเสมือนจริง การซื้อยาออนไลน์ ไปจนถึงการจัดส่งยาถึงบ้าน ด้วยการถือกำเนิดของ 5G ควบคู่ไปกับนวัตกรรมในการจัดส่งยา
“เราเชื่อว่าการดูแลสุขภาพทางไกลและการให้คำปรึกษาทางไกล จะช่วยให้เราเข้าถึงชุมชนและผู้เชี่ยวชาญที่กระจายออกไปตามพื้นที่ซึ่งมีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น”
โดยรวมแล้ว แนวทางที่มุ่งสู่อนาคตเช่นนี้ จะสร้าง Supply chain เกิดระบบนิเวศด้านการดูแลสุขภาพที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด ระหว่างระบบดูแลสุขภาพแบบพื้นฐาน โรงพยาบาลที่มีความพร้อม และการแพทย์แบบชุมชน การเดินทางของผู้ป่วยจะบูรณาการอย่างราบรื่นด้วยการเข้าถึงและส่งมอบการรักษาพยาบาลที่พัฒนาอย่างมากและใช้แพลตฟอร์ม telehealth ที่แพร่หลาย
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ประสบการณ์ใหม่ๆ ความรับผิดชอบของ J&J ต่อผู้ป่วย แพทย์ ผู้บริโภค และชุมชนของเรายังคงดำเนินไปอย่างสอดคล้องกัน วิสัยทัศน์ นวัตกรรม และปฏิบัติการทั้งในโลกดิจิทัลและทางกายภาพเป็นไปได้มากกว่าที่เคยมีมา “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงวิถีด้านสุขภาพสำหรับมวลมนุษยชาติต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง”