[siteorigin_widget class=”SiteOrigin_Widget_Image_Widget”][/siteorigin_widget]

พลันที่เมืองไทยประกาศเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ ระยะของพระอาทิตย์ที่อยู่ไกลแสนไกล แต่ความร้อนสาดผาดแสงเหมือนกับอยู่ใกล้แค่เอื้อม อุณหภูมิที่ระอุ พาลเอือมระอา เหนื่อยล้า…. เป็นข้ออ้างให้หลบร้อน หนีไปพึ่งเย็นแวป

ระยะเวลา 6.30 ชม. จากกรุงเทพถึงอีร์คุตสค์เมืองหลวงแห่งไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย ล้อแตะรันเวย์ เกือบเที่ยงคืน อากาศเย็นสมใจ ยะเยือกด้วยอุณหภูมิ ติดลบราว 7 องศา พักกันในคืนแรกที่เมืองอีร์คุตค์

รุ่งขึ้นนั่งรถบัสโดยสารประมาณ 15 ที่นั่ง หรือขนาดเท่ากับรถตู้บ้านเรา เพื่อเดินทางไปเกาะโอลคอน (Ol’khon Island) ซึ่งถือเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลสาบไบคาล….ทะเลสาบน้ำจืดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ระดับความลึก และปริมาณน้ำเยอะที่สุด มีพื้นที่ 31,500 ตร.กม. ยาวเหยียดถึง 636 กิโลเมตร ถ้าเทียบง่ายๆ ก็ใหญ่กว่าเชียงใหม่ทั้งจังหวัด

ทะเลสาบไบคาลสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู…ความสวยงามแตกต่างกัน แต่หากใครอยากสัมผัสความหนาวเย็น และความมหัศจรรย์ของน้ำทะเลสาบที่ถูกสตาฟเป็นน้ำแข็งด้วยอุณหภูมิติดลบต้องไป ช่วงเดือนฤดูหนาวระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคมของทุกปี

ภาพตลอดข้างทางไปเกาะโอลคอน เป็นทุ่งกว้างขาวโพลด้วยน้ำแข็งละมุนสุดลูกหูลูกตา…. จากถนนคอนกรีต ถนนลาดยาง ถึงทะเลสาบ รถโดยสารเริ่มแล่นลงสู่น้ำ ที่กลายเป็นน้ำแข็ง

ภาพเส้นทางสู่เกาะโอลคอน

วินาทีแรก…ผู้โดยสารต่างถิ่นที่ยังไม่คุ้นชินกับพื้นที่ ตะลึงกับความมหัศจรรย์ ระคนกับหัวใจระทึก หวาดหวั่นกับพื้นน้ำแข็งที่รับน้ำหนักไม่ไหว…. แต่เมื่อเวลาและระยะทางการวิ่ง นำส่งให้วางใจ เปลี่ยนอารมณ์เป็นชื่นชมความงามสองข้างทางด้วยหัวใจพองโต

ผืนน้ำทะเลสาบไบคาลที่กลายเป็นน้ำแข็ง

การเดินทางมาเกาะโอลคอลใช้เวลาประมาณ 5 ชม. กว่าๆ รถโดยสารมาส่งถึงหน้าที่พักที่จองและได้แจ้งไว้กับที่พักแรกที่เราขอให้ช่วยจองตั๋วรถให้แบบไปกลับด้วยราคา 2,000 รูเบิล หรือประมาณ 1,000 บาท

ถึงที่พัก พักผ่อนแวป…เผลอแป๊บเกือบ 6 โมงเย็น พวกเราเดินเร่งฝีเท้าไปยังแหลมเบอร์คาน (Cape Burkhan) พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านชาวเบอร์ยาติ (Buryati) เพื่อชมพระอาทิตย์ตก… เราได้พบกับแสงสีส้มกระจายแผ่หลังเขา ยันกับผืนน้ำแข็งสีฟ้าอ่อน งดงามมีมนต์ขลัง แทบลืมกระพริบตา

บ้านเรือนในหมู่บ้านชาวเบอร์ยาติ (Buryati)

บริเวณแหลมเบอร์คานพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ชาวเบอร์ยาติ (Buryati)

ความงดงามของแสงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า

แม้ลองจอน และเสื้อกันหนาว จะสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายสู้กับความเย็นยะเยือกได้สบาย หากแต่ความประมาทที่ไม่ใส่ถุงมือ จึงถูกลงโทษด้วยอาการมือแข็งชา พาให้อวัยวะส่วนอื่นอ่อนแรงตาม แม้จะหยิบกล้อง หรือมือถือขึ้นมาถ่ายรูปยังลำบาก…เรียนรู้ผลถึงของการไม่เตรียมพร้อม

รุ่งอรุณ ก่อนรถมารับ 10โมง เรากลับไปที่แหลมเบอคานอีกครั้ง เพื่อเก็บภาพบรรยากาศความสวยงามในยามพระอาทิตย์ขึ้น

บรรยากาศยามเช้าที่แหลมเบอร์คาน

ไดอะน่าเจ้าของที่พักน่ารักมาก…แนะนำเรื่องการเที่ยวชมทะเลสาบไบคาลตลอดระยะ 3 วัน…. เนื่องจากพวกเราเป็นนักโพสต์ท่า นักถ่ายรูปมือฉกรรจ์ ใช้เวลาเก็บทุกช อตทุกบรรยากาศ….ฮา

เราจึงตัดสินใจยอมจ่ายแพงหน่อยคนละจากคนละ 1,200 รูเบิล ที่ต้องนั่งรถรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น เป็น 2,000 รูเบิล สำหรับจ้างรถจิ๊บเป็นกลุ่มส่วนตัวสำหรับพาเราล่องไปทางเหนือของเกาะโอลคอน เพื่อชมความงามแต่จะจุดไฮไลท์ของทะเลสาบไบคาล อาทิ ผาสามพี่น้อง (Three Brother) ผาที่มีรูปร่างคล้ายหน้า 3 คนเรียงกัน ปะหนึ่งว่าเป็นพี่น้องกันนั่นเอง

ผาสามพี่น้อง (Three Brother)

ฟองอากาศใต้พื้นน้ำแข็ง

หรือ หน้าผา Khoboi ที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับหญิงสาว จากตำนานเล่าว่านางเคยเป็นภรรยาของวิญญาณตนหนึ่งบนเกาะ แต่เนื่องจากมีนิสัยไม่ดี เลยถูกสาปให้เป็นหินก้อนนี้จนกว่านิสัยจะดีขึ้น รอบหน้าผา มีน้ำแข็งตกผลึกโดยรอบ เป็นรูปร่างต่างๆนาๆ แล้วแต่ธรรมชาติจะบรรจงสร้าง

หน้าผา Khoboi ที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับหญิงสาว

อีกวันก่อนกลับเข้าเมืองอีรคูสต์ เราขอให้ไดอะน่าจัดหารถเพื่อพาไปดูปฏิมากรรมน้ำแข็งธรรมชาติทางใต้ของเกาะที่สวยงามไม่แพ้กับทางเหนือ คนขับรถนำพาพวกเรามุดไปตามช่องน้ำแข็ง ได้เห็นน้ำแข็งที่หยดย้อยตามแรงโน้มถ่วงดังแก้วคริสตัล ส่องประกายเป็นแผง เหมือนกับไฟแชนเดอเลียร์ ที่ต่างคือจากเพดานอาคาร เป็นเพดานเกาะแกร่งเขา สวยงามมหัศจรรย์

: ปฏิมากรรมความงามของน้ำแข็งบริเวณทางใต้ของเกาะ

รถตู้แวนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด กองทัพรัสเซียได้ปลดระวางและนำออกขายแก่ประชาชนทั่วไป นับว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเกาะโอลคอน

รถโดยสารที่จองไว้สำหรับกลับอีร์คุตสค์จากที่ต้องไปรับพวกเราหน้าที่พัก ก็นัดให้มารับพวกรับกลางทะเลสาป เส้นทางผ่านที่จะเข้าเข้าเมือง กลับมาค้างที่พักเดิมกับคืนแรก

รุ่งขึ้นนั่งรถโดยสารไปหมู่บ้านลิสยานก้า (Listvyanka Village) เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ ตั้งอยู่บนพื้นที่หุบเขา ริมทะเลสาบไบคาล ภายในหมู่บ้าน มีกระท่อมไม้สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบไซบีเรียที่สวยงาม สีสันสดใส มักนิยมทาด้วยสีเขียว หรือสีฟ้าตัดด้วยสีขาว กรอบประตูหน้าต่างและชายคา แต่งลวดลายด้วยไม้แกะสลักฉลุลาย

อาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ของไซบีเรีย

ตุ๊กตาแม่ลูกอ่อน… ของที่ระลึก ของฝาก …สัญญลักษณ์หนึ่งของรัสเซีย

และเนื่องจากหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอีร์คุตสค์ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง จึงเป็นสถานที่ยอดนิยมของทั้งคนเมืองอีร์คุตสค์ และต่างเมืองมาท่องเที่ยวพักผ่อน กิจกรรมสันทนาการ ที่สำคัญได้มีโอกาสชิมปลาโอมุน ปลาท้องถิ่นของไบคาล เนื้อนุ่ม มีกลิ่นควันนิดๆ จัดว่าอร่อยให้คลายให้คิดถึงรสชาติปลานิลบ้านเราได้บ้าง

ทะเลสาบไบคาล ณ ลิสยานก้า

ปลาโอมุน ปลาท้องถิ่นของคนไบคาล

กลับจากหมู่บ้าน มีเวลานิดหน่อยสำหรับเดินที่ยวในตัวเมือง…ลองนั่งรถรางที่ค่าโดยสารสบายกระเป๋า 15 รูเบิล ชมโบส์คาซาน หนึ่งในแลนด์มารค์ของเมืองอีร์คุตสค์ โบสถ์สีแดงรูปทรงหัวหอมคล้ายกับมหาวิหารเซนต์เบซิลโบสถ์ดังในมอสโคว์ สถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก เมื่อชมความงามประติมากรรมภายใน

โบสถ์คาซาน

หลังจากนั้น ก็นั่งรถรางหมายเลขเดิม กลับมาที่ตลาดท้องถิ่น เจอทั้งพ่อค้า แม่ค้าใจดีชวนให้ลิ้มชิมรสแบบไม่หวงของ ลูกค้าเหยื่อการตลาดมีหรือจะพลาดที่ไม่ระบายเงินออกจากกระเป๋า …. เสร็จภารกิจละลายทรัพย์แล้ว กลับที่พัก…แพ็คกระเป๋า รอวันรุ่งขึ้นที่พวกเราต้องลาเมืองอีร์คุตสค์ และนั่งรถไฟสายไซบีเรีย ต่อไปยังมองโกเลีย