[siteorigin_widget class=”SiteOrigin_Widget_Image_Widget”][/siteorigin_widget]

วัน เดือน ปีที่ผ่านฝันร้ายของ ‘จิวเวลรี่ ดีไซเนอร์’ หนุ่ม ในวันที่เขาต้องเผชิญกับโรคร้าย ด้วยวัยที่ยังไม่ถึงสามสิบ ‘จักร’ จาคี ฉายปิติศิริ นักออกแบบรุ่นใหม่ผู้จุดประกายชีวิตแก่ใครหลายคน ต้องต่อสู้กับมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคซึ่งคร่าชีวิตคนไทยในอันดับต้นๆ ก่อนจะผ่านพ้นมาได้และผันตัวเป็นแอดมินเพจ ‘จาคี มะเร็งไดอารี่’ ที่มีชาวเน็ตติดตามมากมาย

เล่าประสบการณ์ที่คุณจักรเผชิญภาวะโรคนี้

ในช่วงปลายปี 2549 ผมเริ่มมีอาการปวดท้องและระบบขับถ่ายผิดปกติ และเป็นต่อเนื่องมาจนถึงช่วง มกราคม 2550 อาการปวดท้องอย่างหนักก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะดีขึ้น จึงได้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายโดยละเอียด

จากผลการตรวจจึงทราบว่าลำไส้มีอาการอุดตัน ตอนนั้นแพทย์ไม่ได้ระบุว่าลำไส้อุดตันด้วยสาเหตุอะไร แต่แนะนำให้รับการผ่าตัดโดยด่วนที่สุด เนื่องจากตอนนั้นผมเริ่มกินไม่ได้ ไม่มีแรง และเริ่มขับถ่ายไม่ออกแล้ว หลังจากการผ่าตัดผ่านพ้นไประหว่างพักฟื้นในโรงพยาบาล ผมจึงค่อยๆ ทราบว่าตัวเองเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากผลการตรวจในแฟ้มประวัติ และหลังจากที่การรักษาได้เริ่มขึ้นจึงได้ทราบเพิ่มว่าเป็นถึงระยะสุดท้าย

แล้วเราผ่านพ้นปัญหานี้มาได้อย่างไร

ในช่วงที่ผมเริ่มการรักษาเมื่อ 11 ปีก่อน เป็นวันที่มองออกไปจากโรงพยาบาลแล้วเห็นอนุสาวรีย์ชัยฯ ผมตั้งเป้าเลยว่าถ้าเราหาย จะออกไปเดินแบบคนพวกนั้นให้ได้ เรามุ่งหวังเป็นแบบคนทั่วไปใช้ชีวิตแบบคนปกติ

เมื่อได้เริ่มการรักษาแล้วก็ต้องพบกับทั้งผลข้างเคียงหลายอย่างมากครับ ไม่ต่างจากคนอื่นๆ แต่ก็พยายามทำตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาล เพื่อที่จะให้ร่างกายฟื้นตัวขึ้นแข็งแรงมากพอที่จะรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากเรื่องอาหารการกินยังศึกษาและหาวิธีออกกำลังกายในรูปแบบที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายอีกด้วย รวมถึงการดูแลสภาพจิตใจ ทั้งตัวเองและคนรอบข้างให้ดีที่สุด เพื่อให้การรักษาผ่านไปได้อย่างราบรื่น

ในช่วงที่ต่อสู้กับโรคร้าย คุณจักรเพิ่มบทบาทตัวเองในการเป็นสื่อกลางให้คนรู้เท่าทันโรค

ตอนเริ่มต้นเมื่อ 11 ปีก่อนที่ป่วย เราเขียนบล็อคระบายก่อนว่า วันนี้หมอรักษาเราอย่างไรอธิบายไป กลายเป็นประโยชน์กับคนอ่านสำหรับคนที่เริ่มใช้อินเตอร์เน็ตยุคนั้น เพจจาคีมะเร็งไดอารี่เป็นการต่อยอด ในช่วง 3-4 ปีหลังที่เฟสบุ๊คได้รับความนิยมมากขึ้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องให้คนคลิกเข้ามาดู คนให้ความสนใจคือผู้ป่วยและผู้เกี่ยวข้อง วัตถุประสงค์ของการจัดทำเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในแง่มุมที่เป็นประสบการณ์ตรงจากการรักษาโดยจะนำเสนอในสิ่งที่เราเคยเป็นหรือเราเคยทำมาแล้ว และเป็นสิ่งที่แพทย์และพยาบาลเป็นผู้แนะนำเรา

ผมเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการสู้โรค คือ การสู้กับความไม่รู้ อันจะนำมาซึ่งความวิตกกังวลและความกลัวตามมา เมื่อเรามีข้อมูลที่มากขึ้นเพียงพอเราก็จะเข้ารับการรักษาด้วยความเข้าใจ และ ปฏิบัติตัวได้อย่างสอดคล้องกับสิ่งที่แพทย์และพยาบาลพยายามจะรักษา

นอกจากนี้ ยังพยายามสอดแทรกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องการการส่งเสริมสภาพจิตใจเพื่อให้ผู้ที่ติดตาม รู้สึกเหมือนเราเป็นเพื่อนและได้พูดคุยกับคนที่เคยป่วยมาเช่นกัน ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ก็ทำหน้าที่ในการรักษาร่างกาย ส่วนจิตใจผมเชื่อว่าตัวผู้ป่วยและผู้ดูแล ต้องพยายามเสริมสร้างกำลังใจให้ได้ เพื่อให้สนับสนุนการรักษาให้เป็นไปได้อย่างราบรื่นที่สุด

วันนี้คุณจักรหายจากโรคนี้แล้ว มองปัญหามะเร็งลำไส้ใหญ่ในประเทศไทยอย่างไร

มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งใน โรคไม่ติดต่อ (NCD) ที่คนไทยเป็นอันดับต้นๆ และไม่ได้เป็นเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น ผู้ป่วยหลายคนก็เป็นตั้งแต่อายุยังไม่มาก ส่วนใหญ่โรคไม่ติดต่อมักจะเกิดจากการใช้ชีวิตในรูปแบบที่ไม่เหมาะสม สภาพสังคมปัจจุบันของคนไทยเรา ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้คนเป็นมะเร็งกันได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งจากความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน การทานอาหารที่ไม่มีทางเลือกมากนัก และมีโอกาสได้ออกกำลังกายน้อย ทั้งหมดนี้ก็รวมกันเป็นไลฟ์สไตล์ที่หลายคนไม่รู้ว่าก่อนให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ได้

ในขณะเดียวกัน วิทยาการรักษาโรคมะเร็งก็พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน ทางเลือกในการรักษาไม่ว่าจะเป็นตัวยาต่างๆ หรือ เทคนิควิธีการรักษา ก็มีมากขึ้นเมื่อเทียบกับแต่ก่อน ซึ่งนี่ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีที่จะช่วยให้ผู้ป่วยอย่างเราๆ มีโอกาสหายมากขึ้น หรืออย่างน้อยก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปได้ยาวนานขึ้น

การดูแลสุขภาพของตัวเองในปัจจุบันและคำแนะนำแก่ผู้สนใจ

ในปัจจุบันผมพยายามใช้ชีวิตให้ปกติ เหมือนคนทั่วไปมากที่สุด คำว่าปกติในที่นี้ คือ การใช้ชีวิตให้อยู่ในมาตรฐานของคนที่สุขภาพดีทั่วไป เช่นเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย สิ่งเหล่านี้จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่เรารู้มาตั้งแต่เด็กๆ หากแต่เราอาจจะละเลยหรือไม่ได้ทำจนเกิดเป็นนิสัยเท่านั้น ดังนั้นถ้าใครที่ยังไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งหรือโรคอื่นๆ ควรหันมาดูแลสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ

การที่เรามีสุขภาพดีนั้นเหมือนมีต้นทุนที่มาก ถ้าวันหน้าเราเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา คนที่มีต้นทุนทางสุขภาพมากก็ย่อมจะมีโอกาสที่จะรับการรักษา และฟื้นตัวได้ดีกว่าคนที่ไม่ดูแลสุขภาพมาก่อนครับ