[siteorigin_widget class=”SiteOrigin_Widget_Image_Widget”][/siteorigin_widget]
ความตระการตาของ Milford Sound ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ดำรงอยู่ภายใต้อุทยาน Fiordland National Park พื้นที่ชุ่มน้ำทางทะเลชายฝั่งตะวันตกของนิวซีแลนด์

ทุกๆ ปีมีผู้คนเดินทางมาชื่นชม อาณาเขตนี้ของโลก ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ขอแค่เพียงได้สัมผัสกับภูมิภาพอันงดงามราวสวรรค์บนดิน น้ำตกที่หลั่งรินสู่มหาสมุทรและเสียงกัมปนาทจากขุนเขาธารน้ำแข็ง ทั้งหมดล้วนหาไม่ได้จากความศิวิไลซ์

เส้นทางที่สะดวกในการมา Milford Sound มีสองจุดก็คือตั้งต้นจากเมืองควีนส์ทาวน์ก็ได้ แต่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง บนถนนไฮเวย์หมายเลข 6 ระยะทางประมาณ 307 กิโลเมตรหรืออีกวิธีหนึ่งคือมาจากเมืองตากอากาศทะเลสาบ Te Anau ซึ่งอยู่ใกล้มากกว่าคือประมาณ 121 กิโลเมตร

ผมออกจากควีนส์ทาวน์ตั้งแต่ 8.00 น. เพื่อไปให้ถึงท่าเรือ Milford Sound ให้ทันในรอบ 13.30 น. โดยยังคงใช้บริการเรือโดยสารของบริษัท Real Journeys เช่นเดิมเพราะขนาดของเรือค่อนข้างใหญ่กว่าลำอื่นเวลาใช้บริการจะได้ไม่เมาเรือแต่ซื้อเฉพาะตั๋วเรือเท่านั้นส่วนใครจะซื้อตั๋วรถทัวร์โดยสารของ Real Journeys ควบคู่กันก็ได้ 

เมื่อขับไปครึ่งทาง ผมแวะพักร้านกาแฟซึ่งมีฟาร์มปศุสัตว์ให้เราได้รู้จักเจ้าตัว อัลปากาสุดน่ารักกำลังเล็มหญ้า แทนที่จะให้ลูกค้าถ่ายรูปฟรีๆ เจ้าของร้านก็มีบริการจำหน่ายอาหารให้แก่นักท่องเที่ยว

…นิวซีแลนด์จึงไม่ได้มีแต่แกะให้แชะ/แชร์เท่านั้น แต่ยังมีฝูงอัลปากาคอยาวหลากสีสันที่เค้าบอกว่าขนของมันอ่อนนุ่มที่สุดในโลกอยู่ด้วย

ขอแนะนำว่า ทุกคนควรเผื่อเวลาไว้สำหรับไฮไลต์พิเศษ คือทิวทัศน์สองข้างทางครับ เพราะเมื่อเข้าเขตอุทยานบนถนน Milford Road หรือ State Highway 94 แล้ว จะมี View Point ประมาณ 12-13 จุด แต่สถานที่สำคัญที่ได้รับการยกย่องว่าสวย ‘อะเมซิ่ง’ สุดๆและห้ามพลาดมีประมาณ 5 แห่ง

Milford Sound ทักทายคุณด้วยทุ่งหญ้าและภูเขาอัลไพน์ Eglinton Valley จุดแรกที่แลนด์สเคปคือภูเขาที่เรียงกันเป็นฉากๆ ธรรมชาติจัดวางกันไว้อย่างลงตัว สามารถเดินเข้าไปลูบไล้ต้นหญ้าสีเหลืองทองที่ระเนนไปกับสายลมจนสุดสายตา

จุดต่อมาคือ Mirror Lakes ทะเลสาบประหลาดที่ใสแจ๋วราวกระจกเงา รูปที่ทุกคนต้องเก็บเอาไว้ในไดอารีของทริปนี้ คือภาพสะท้อนของทะเลสาบที่มีต่อทุกสรรพสิ่งซึ่งอยู่รอบๆ ตัว 

Knobs Flat เป็นศูนย์แวะพักยืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำจุดสุดท้าย พื้นที่ๆ เคยเป็นแคมป์คนงานก่อสร้างบนเส้นทางเข้าสู่ Milford Sound ตั้งแต่เมื่อปี 1980 พื้นที่รอบๆ Knobs Flat สามารถมองเห็นทัศนียภาพกว้างใหญ่ไพศาลไปจนถึงภูเขาธารน้ำแข็ง 

ขับต่อไปอีกไม่ไกลนัก ก็จะถึง Monkey Creek แวะดูนก Kea หรือนกแก้วในธรรมชาติของเกาะใต้ มันอาศัยตามต้นไม้ในพื้นที่ Hollyford Valley รวมถึงเจ้า Blue Duck ที่ต้องใช้เวลาในการเสาะหาพอสมควร การมากับทัวร์หรือรถบัสโดยสาร จึงไม่ง่ายที่จะพบสัตว์ป่าทั้งสองชนิดบริเวณนี้ แต่ก็พอมีวิวให้ถ่ายภาพ ลำธารที่ไหลมาจากน้ำแข็งบนเขาซึ่งบริสุทธ์สะอาดสามารถดื่มดับกระหายในฤดูร้อน หรือซับใบหน้าก็ได้ความสดชื่นไปอีกแบบ

ด้วยเส้นทางส่วนใหญ่ของ Milford Sound เป็นป่าฝนและเทือกเขาทำให้ทางการนิวซีแลนด์ ต้องขุดอุโมงค์ Homer Tunnel ความยาว 1.2 กิโลเมตร เอาไว้เพื่อเข้าสู่ Milford Sound ตอนในได้สะดวก แต่ถนนมีแค่เลนเดียว จึงกลายเป็นจุดที่ต้องหยุดรอสัญญาณไฟ ให้ผู้ขับขี่สลับกันมาทีละฝั่ง 

ณ วิวพอยท์ Homer Tunnel มีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถปูผ้าแคมป์ปิ้งได้ เพราะวิวอลังการของหน้าผาสีเทาเงินทอประกาย ท้าทายทุกสายตา ธารน้ำตกเล็กๆ ไหลลงมาไม่ขาดสาย เป็นภาพ Iconic ที่คุณสามารถเดินเข้าไปยลโฉมได้

จุดสุดท้ายที่ขอแนะนำคือ The Chasm เป็นเส้นทางเดินเข้าไปในป่าฝน เพื่อพบกับความชุ่มฉ่ำของ the Cleddau River และน้ำตกบนหินคริสตอลที่ค่อยๆ ไหลตามโตรกเขา The Darran Mountains เหมือนศิลปะที่จรรโลงโลกไว้นานกว่าศตวรรษ  

ผมขับรถพาตัวเองมาถึงท่าเรือริมทะเลสาบ Milford Sound ซึ่งเป็นศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยว Visitor Centre เราต้องเดินๆๆ จากจุดจอดรถอีกประมาณ 10 นาที มีนักท่องเที่ยวหลากชาติหลายภาษาทุกคนเร่งฝีเท้าเพื่อมาให้ทันรอบเรือของตนเอง 

ภายในศูนย์ฯ มีช่องขายตั๋วหลากหลายบริษัท ทั้งให้บริการเช็คอินรวมทั้งจำหน่ายแก่ผู้ที่ไม่ได้จองมาล่วงหน้า สามารถหาซื้อได้ตามสะดวกครับ เรือของ Real Journeys ออกตามเวลา ผมโชคดีนิดหน่อยเพราะเป็นวันที่ผู้คนไม่หนาแน่นมากนัก

Nature Cruises ที่ออกไปแต่ละรอบจะใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง เราได้ที่นั่งด้านในเรือ ก่อนมองหากาแฟและชาอุ่นๆ เพื่อวอร์มอัพร่างกาย อุณหภูมิภายนอกเรือค่อนข้างเย็นและลมทะเลแรงมาก แม้จะเป็นช่วงบ่ายๆ ก็ตาม

Milford Sound ได้รับการยกย่องว่าเป็นที่สุด หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือนิยามความมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก หรือ Eight Wonder of The World คือที่สุดของวิวัฒนาการตามธรรมชาติที่มนุษย์ไม่อาจสร้างสรรค์เองได้ แต่ต้องเสาะแสวงหาและค้นพบโดยนักเดินทางที่ชื่อกัปตัน จอห์น โกรโน ในปี ค.ศ.1812 คำว่า Milford ตั้งขึ้นตามชื่อเมืองหนึ่งของประเทศเวลส์บ้านเกิดของกัปตันนั่นเอง

ทัศนียภาพอันโดดเด่นที่สุดของ Milford Sound ก็คือน้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดเขาหรือ Towering Cliffs สูงตระหง่านและทอดยาวสู่ท้องทะเลสีคราม เพราะพื้นที่ Fiordland National Park มีฝนตกเฉลี่ยถึงปีละ 182 วัน นับเป็น Area แห่งความชุ่มชื้นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จึงไม่แปลกใจที่ปริมาณน้ำมหาศาลตามธรรมชาติที่ได้ซึมซับไว้บนเทือกเขา รวมกับความหนาวเหน็บจากหิมะที่ค่อยๆ ละลายออกมาอย่างช้าๆ กลายเป็นสายนทีที่ล้นหลั่งจากหน้าผาสู่มหาสมุทรแห่ง Tasman Sea

เมื่อเรือแล่นออกจากท่าสักพักเราก็เริ่มทอดสายตาออกไปทันที จุดแรกที่พบเรียกว่า Bowen Falls อยู่ไม่ไกลจากหาด เป็น Towering Cliffs ที่มีขนาดใหญ่มาก กำลังอวดโฉมให้ทุกคนได้ประจักษ์ถึงอานุภาพของสายน้ำ ลองกะประมาณด้วยสายตาผมคิดว่าน่าจะสูงเกือบร้อยเมตรได้

เมื่อล่องออกไปในทะเลสาบกว้างใหญ่ สองฝากฝั่งคือโขดหินผาผงาดล้ำป่าเขาลำเนาไพร ภูมิภาพที่เห็นนั้นแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนได้กลับไปสู่โลกของมนุษย์ยุคบุกเบิก ตื่นตาตื่นใจกับอาณานิคมแห่งใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาหิมะ เมฆครึ้มสีเทา ผืนน้ำสีคราม มีแมวน้ำขี้เซามานอนผึ่งแดดบนหิน Seal Rock ถ้าโชคดีก็จะได้พบกับนกเพนกวินที่ออกหากินตามธรรมชาติอีกด้วย

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ ไกด์บุ๊คทุกเล่มจะขีดเส้นใต้ไว้เป็นไอคอนของ Milford Sound ก็ว่าได้ คือยอดเขา Mitre Peak ด้วยความสูง 1,690 เมตร ทำให้มันโดดเด่นที่สุดเป็นเพชรยอดมงกุฎในบรรดายอดเขาทั้ง 5 ของมรดกโลกทางทะเลแห่งนี้ 

แน่นอน เราจะพบภาพของ Mitre Peak ได้ตามโปสการ์ดของนิวซีแลนด์ที่วางขายอยู่ทั่วไป แต่เมื่อมาเห็นด้วยสายตาตัวเองจึงเสมือนมีมนต์สะกดสายตาเอาไว้ ให้จดจ้องจดจำภาพนี้ไปจนถึงความฝันนั่นล่ะ

เส้นทางที่ทุกคนจะไปถึง Mitre Peak ได้นั้น ไม่ได้มีเพียงแต่มาทางเรือ Cruise เดินสมุทรเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินป่าหรือปีนเขาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่ได้รับความนิยมพอสมควร สามารถติดต่อเอเย่นต์ ณ Visitor Centre หรือติดตามจากเว็บไซต์ท่องเที่ยวที่มีรายละเอียดให้มากมาย หนึ่งในนั้นคือ www.newzeland.com  

Towering Cliffs อีกสองแห่งที่ตามมาติดๆ ก็คือน้ำตก Fairy Fall และ Stirling Fall อยู่ไม่ไกลจากทางออกสู่อ่าว Anita Bay ซึ่งเป็นปากประตูสู่ Tasman sea โดยในมุมมองของผม แม้ขนาดของสองน้ำตกนี้จะเล็กกว่า Bowen Falls แต่รูปทรงของสายน้ำนั้นวิจิตรบรรจงมากกว่า

หลังจากเรือแล่นไปให้ทุกคนได้เห็น Tasman Sea แบบเต็มตา Real Journeys ก็วนกลับเส้นทางเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้มันแล่นเข้าไปให้ทุกคนได้สัมผัสสายน้ำตกอย่างใกล้ชิด ผมออกมายืนที่หัวเรือเพื่อเก็บภาพชัดๆ กดชัตเตอร์เก็บทุกรายละเอียดของทัศนียภาพไว้ให้ได้มากที่สุด 

ละอองน้ำเป็นประกายฟุ้งไปทั่ว ท่ามกลางฝนโปรยปราย ธารน้ำไหลลงมาจุมพิตท้องทะเลคราม..นี่คือความโรแมนติกที่จริงแท้ของธรรมชาติ

จากบ่ายสู่เย็น…เราได้เห็นหมอกบางๆ ปกคลุมอยู่ทั่วภูเขาแห่ง Milford Sound ราวกับนี่คือดินแดนสนธยาแห่งสุดท้ายบนผืนโลก

เมื่อผมกลับมาถึง Visitor Centre ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมและขับรถออกจากอุทยานในช่วงฝนพรำๆ ถนนที่เปียกชื้นทำให้เราไม่สามารถทำความเร็วได้อย่างที่คิด ผมต้องการกลับไปพักที่ทะเลสาบ Te Anau ก่อนค่ำ แต่ดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์ลับไปหลังเมฆฝนก่อนเวลาอันควร

ขณะที่นักเดินทางยังคงเข้ามาใน Milford Sound อย่างไม่ขาดสายเพราะเอเย่นต์เรือบางบริษัทให้บริการท่องเที่ยวเวลากลางคืนด้วย และบางคนอาจจองที่พักแรมกับทางอุทยานไว้ก็เป็นไปได้

เสร็จจากการล่องเรือช่วงเย็น ระหว่างทางที่ขับรถกลับเข้าสู่เมืองบนถนน Milford Road เราผ่าน Eglinton Valley อีกครา บรรยากาศครึ้มๆ ปกคลุมทุ่งหญ้าและบรรดาทิวเขาให้ตกอยู่ภายใต้ความสลัวลาง หมอกฝนบางเบาแล่นผ่านทุ่งอัลไพน์ เสมือนได้หลงเข้าไปสู่ดินแดนที่ไหนสักแห่งของโลก 

มิติของเวลาอยู่ใต้แสงอันพร่าเลือน หรือพระเจ้ากำลังหว่านความงดงามให้ดินแดนแห่งนี้

ผมจบทริป Milford Sound นี้ด้วยความตื้นตันแห่งภูมิภาพอลังการตรงหน้า ก่อนจะสตาร์ทรถเปิดที่ปัดน้ำฝนและมุ่งสู่จุดหมายต่อไป Southern Scenic Route มหัศจรรย์แห่งดินแดนใต้สุดของนิวซีแลนด์