หนึ่งในรายชื่อผู้ที่ถูกอ้างถึงในหนังสือสุดดราม่า-หลังม่านรัฐบาลวอชิงตัน ซึ่งเพิ่งตีพิมพ์ออกมาสดๆ ร้อนๆ ของไมเคิล วอล์ฟ… “Fire and Fury: Inside the Trump White House” ก็คือ Pollster สาวใหญ่ในวัย 50 ปี ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่ง Counselor to the President หรือที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของประธานาธิบดีมีนามว่า “Kellyanne Conway”

ในฐานะนักสื่อสารเชิงกลยุทธ์ Conway มีบทบาทสำคัญในการประคับประคอง “ภาพลักษณ์” ที่ย่ำแย่และแก้ไข “ถ้อยคำ” ที่ไม่เข้าท่าของโดนัลด์ ทรัมป์ ทางทวิตเตอร์มาตลอดหนึ่งปีเต็ม จนดูเหมือนเป็นโฆษกส่วนตัวของมหาเศรษฐีประธานาธิบดีสหรัฐไปแล้ว

Conway จบกฎหมายจาก มหาวิทยาลัย จอร์จ วอชิงตัน และยังมีพื้นความรู้ด้านรัฐศาสตร์เป็นอย่างดี ก่อนจะมีส่วนร่วมทางการเมือง เธอประสบความสำเร็จกับบริษัทส่วนตัวใน ธุรกิจสำรวจความคิดเห็นและการตลาด โฟกัสฐานลูกค้าสุภาพสตรีและไลฟ์สไตล์ของคนทุกระดับ โดยบริษัทขนาดใหญ่ทั้งด้านสินค้าด้านอุปโภค บริโภค และการเงิน ล้วนต่างนิยมใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทำให้ชื่อเสียงในวงการของ Conway เป็นที่รู้จักและได้รับเชิญเป็นคอมเมนเทเตอร์ทางสถานีโทรทัศน์มากมาย

ประสบการณ์ที่ตกผลึกและหัวใจที่รักในงานเพื่อสาธารณะ ทำให้เธอเข้าไปมีส่วนร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับ “พรรครีพับลิกัน” หลายครั้งหลายครา อาทิ การจัดแคมเปญระดมทุนหาเสียงให้กับผู้สมัคร และแคมเปญรณรงค์ให้กับ Ted Cruz แคนดิเดตผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนของพรรครีพับลิกัน ในการชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ คู่แข่งตัวฉกาจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นั่นเอง

ด้วยสายตาอันเฉียบคมของนักธุรกิจผมทองอย่างทรัมป์ ซึ่งปกติแล้วถนัดการไล่คนออก “you ‘re fired!” มากกว่า กลับดึงตัว Kellyanne Conway มาช่วยแคมเปญหาเสียงช่วงปลายปี 2016 ซึ่งใกล้จะถึงวันพิพากษาเต็มที่ แต่โพลล์ส่วนใหญ่ยังอ้างว่า นางฮิลลารี คลินตัน มีคะแนนนำแบบทิ้งห่างเขา นั่นถือเป็นการเลือก “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาอย่างแท้จริง

Kellyanne Conway มักแต่งกายด้วยสไตล์เสื้อผ้าสีสันสดใส เข้ามารับหน้าที่เป็น ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงคนใหม่ ในเดือนสิงหาคม 2016 เธอมีเวลา 2 เดือนกับการแก้เหลี่ยมในเกมชิงดำ ซึ่งอภิมหาเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์นครนิยอร์ค กำลังเพลี่ยงพล้ำอย่างหนักให้กับ ฮิลลารี แห่งเดโมแครต

แคมเปญ “America First” และ “America Great Again” ถูกตอกย้ำทุกเวที ความชัดเจนในนโยบายแต่ละข้อๆ การโหมกระหน่ำพีอาร์ในรัฐสองสีหรือ Swing State ถูกโหมเข้าใส่ “หัวและใจ” ของชาวอเมริกันระดับรากหญ้า ณ ช่วงโค้งสุดท้าย รวมถึงการใช้สื่อโซเชียลมีเดียสมัยใหม่ ปลุกกระแสความนิยมชมชอบ

“Conway is the first woman to have run a successful US presidential campaign” เป็นคำนิยมที่เว็บไซต์ wikipedia ให้นิยามผู้หญิงคนนี้เอาไว้ในย่อหน้าแรก

Conway ออกมาให้สัมภาษณ์เคล็ดลับ ภายหลังได้รับชัยชนะแรลลี่ทางการเมืองครั้งใหญ่ คือการทำงานหนักในพื้นที่ ‘สวิงสเตท’ ซึ่งมีคะแนนเสียงก้ำกึ่งหรือไม่ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ของสีแดงหรือสีฟ้า

จุดอ่อนของเดโมแครตคู่แข่งตลอดกาลในมุมมองของเธอก็คือ การหาเสียงของ ฮิลลารี คลินตัน ไม่สามารถ ‘Connect to the People’ ไม่ประกาศนโยบายที่ตรงใจ ตามความต้องการของประชาชนได้

คล้ายๆ กับนักการเมืองทั่วโลกเวลาขอคะแนน คอยแต่บอกว่าประชาชนจะต้องทำอย่างไร ประชาชนควรจะเป็นอย่างไร แต่ไม่เคยประกาศว่า ตนเองจะทำอะไร (Action) อย่างจริงๆ จังๆ

หลายครั้งที่เราเห็น ฮิลลารี เดินตาม ‘บารัค โอบามา’ จากพรรคเดียวกัน ด้วยการใช้โวหารหรือวาทศิลป์สุดกินใจ เช่น การเปรียบให้เห็นความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า จะทำให้อเมริกามีประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ เสมือนการทลาย ‘กำแพงแก้ว’ ที่เคยกั้นขวางเด็กผู้หญิงสหรัฐเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถทำอะไรๆ ได้ตามความคิดฝัน

นั่นอาจเป็นเพียงการเปรียบเปรยแบบ ‘ปัญญาชน’ คนหัวก้าวหน้า นักศึกษามหาวิทยาลัย แต่กลับหาได้อยู่ในความสนใจของ ชาวไร่ชาวนา คนงานเหมืองเหล็ก ถ่านหิน โรงงานอะไหล่รถยนต์ ช่างทาสี หรือคนขับรถบรรทุกระหว่างเมืองไม่!

‘ความมั่นใจ’ ของฮิลลารี่ ยังเกิดจากบรรดาโพลล์ของสื่อชั้นนำทั้งหลายที่เสกสรรค์อย่างเลิศเลอว่าเธอนำทรัมป์แบบทิ้งห่าง สุดท้ายจึงย่ามใจ ไม่สนว่าคนอเมริกันจริงๆ คิดอย่างไร เหมือนหลงแสงเสียงภาพลวงตาแห่งตัวเลข

ตรงกันข้ามในฐานะที่ Conway ทำงานด้าน การสำรวจความคิดเห็น มาอย่างยาวนาน สามารถใช้เครื่องมือนี้เจาะลึกความต้องการของประชาชนในรัฐสวิงสเตท ว่าส่วนใหญ่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงทาง การค้าเสรี การตรวจคนเข้าเมือง และนโยบายการต่างประเทศ

เมื่อผลการนับคะแนนออกมาแบบที่เรียกว่า Land Slide นักข่าวและสื่อมวลชน ต่างชื่นชมว่าความสามารถของ Conway ได้ทำให้คะแนนเสียงของทรัมป์ ‘ตีตื้น’ ลดช่องว่างในการแข่งขันครั้งนี้ จนนำไปสู่ชัยชนะที่ท่วมท้น

“เรารู้สึกเหมือนกำลังล่องลอย” Conway บอกกับฟอกซ์ นิวส์ ทันทีที่ทราบว่าทรัมป์ได้คะแนนเสียง Electoral Vote ทะลุ 270 เสียง

ค่าตอบแทนของชัยชนะทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ มอบตำแหน่งใหญ่คือ Counselor to the President ให้ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ในวงการเมืองมะกัน … Conway เป็นที่ปรึกษาเต็มเวลามีห้องทำงานในเวสต์วิง เธอเข้าไปบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ในทำเนียบขาว ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ปั่นกระแส สร้างจุดขาย และเป็นดีลเมคเกอร์ “แก้เกม” ในสงครามน้ำลาย ณ เวลาเดียวกัน

นั่นเองที่ทำให้เธอต้องได้รับผลกระทบในชีวิตหลายอย่าง แลกกับตำแหน่งใหญ่ครั้งนี้ เพราะ Conway ถูกบอยคอตจากคนในแวดวง Media และสำนักข่าวชั้นนำระดับโลกหลายแห่ง โดยอ้างว่าเธอให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหลายครั้ง รวมถึงรายการที่เธอเคยเป็นคอมเมนเทเตอร์ อย่าง the MSNBC show ‘Morning Joe’

การออกหน้าครั้งสำคัญของ Conway คือการ “แก้ต่าง” ให้ ฌอน สเปนเซอร์ โฆษกทำเนียบข่าวที่ออกมาแถลงข่าวว่า พิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ทรัมป์ มีคนมามากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งจริงๆ ภาพที่ปรากฎทางโทรทัศน์ทั่วโลกนั้น ถือว่าผู้คนอเมริกันออกมาเฉลิมฉลองน้อยกว่าสมัยบารัค โอบามา ทำให้วันต่อมา Conway ได้ตอบคำถามในรายการ Meet the Press ของ NBC โดยใช้วลีที่ว่า สิ่งที่สเปนเซอร์พูดออกไปนั้นเป็น alternative facts หรือข้อเท็จจริงในอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งสังคมอเมริกันรับไม่ได้กับการแก้ตัวแบบนี้

รวมถึงการออกมาปกป้องร้านเสื้อผ้าของ Ivanka Trump ที่ถูกโจมตีว่าไม่มีใครมาซื้อแล้ว เพราะไม่ชอบพฤติกรรมของบิดาของเธอ โดยบอกว่าสมัยนี้คนอเมริกันหันไปซื้อสินค้าออนไลน์ การไม่มีลูกค้าในช้อปมิได้หมายความว่าอิวานก้าถูกปฏิเสธ หรือแม้กระทั่งการโต้คารมกับพิธีกรชื่อดังของ CNN อย่าง แอนเดอร์สัน คูเปอร์ นานกว่า 5 นาที เกี่ยวกับนโยบายใหม่ๆ และชัยชนะของทรัมป์ เป็นต้น

Conway จึงอยู่ในฐานะที่สื่อให้ฉายาว่า “Trump Whisperer” กลายเป็นนิกเนมของเธอในโลกโซเชียลมีเดีย รวมถึงครั้งล่าสุดหนังสือ “Fire and Fury: Inside the Trump White House” อ้างว่า Jared Kushner และ Ivanka Trump ลูกเขยและลูกสาวของประธานาธิบดีสหรัฐ เรียกขาน Kellyanne Conway ว่า ‘nails’

แม้ว่าในวันนี้ Kellyanne Conway จะก้าวขึ้นไปเป็นนักการเมืองข้างกายและกระบอกเสียงของผู้นำสหรัฐไปแล้ว แต่คงไม่มีใครลืมความสามารถของเธอในฐานะ “นักสื่อสารเชิงกลยุทธ์” ที่ครบเครื่องมากที่สุดแห่งกรุงวอชิงตันไปได้!!