เส้นทางการเมืองของ Emmanuel Macron ขณะนี้ ดูเหมือนจะเจิดจรัสและกว้างไกล คล้ายๆ กับบรรยากาศของถนนฌ็อง เซลิเซ่ (Champs Elysees) แห่งกรุงปารีส

สปอตไลต์การเมืองโลกได้สาดส่องผู้นำหนุ่มฝรั่งเศส ที่กำลังจะกลายเป็นผู้นำแห่งสหภาพยุโรปคนใหม่ แทนเยอรมันที่ทิ้งโอกาสเพราะเกิดสุญญากาศทางการเมือง ส่วนสหราชอาณาจักรก็สละฐานันดรในอียู

ไม่ต้องพูดถึงสหรัฐ ผู้ที่ประกาศชัดเจนว่าจะใช้นโยบายโดดเดี่ยวตัวเองและมุ่งมั่นเรื่องเศรษฐกิจการค้าตามนโยบายของปธน.ทรัมป์ ที่บอกว่าปากท้องของคนอเมริกัน…ต้องมาก่อน!

Emmanuel Macron มีจังหวะก้าวทางการเมืองที่น่าสนใจ เต็มไปด้วยสีสันตั้งแต่ชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 ซึ่งไม่ว่าใครจะบอก…เพราะโชคช่วย! หรือส้มหล่นจากความซวยของ นางมารีน เลอแปง ฝ่ายขวาที่ตกม้าตาย

จริงๆ ก็คงมีปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่างประกอบกัน หนึ่งในความสำเร็จนั้นก็คือ “ทีมงานเบื้องหลัง” แคมเปญหาเสียงของ Emmanuel Macron ที่มากด้วยฝีไม้ลายมือ!!!

ชื่อของ “Ismael Emelien” คือเบอร์ 1 เป็นมือขวาที่ Emmanuel Macron ไว้วางใจมากที่สุด เขาเป็นหัวหน้าทีมวางกลยุทธ์ทางการเมือง สามารถถ่ายทอดคาแรคเตอร์ที่ตอบโจทย์ชาวฝรั่งเศส การสื่อสารกับผู้ลงคะแนน และปราศรัยหาเสียงที่ได้ใจประชาชน

ทั้งๆที่ Ismael Emelien อายุเพียง 29 ปี แต่สั่งสมประสบการณ์ทางการเมืองแบบไม่ธรรมดาจากการเป็นทีมงานหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีให้กับอดีตผู้สมัครหลายคน รวมทั้งเคยทำงานให้กับ นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซูเอลา

ไม่เพียงเท่านั้นยังเคยทำงานกับบริษัทสื่อสารและประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Havas Worldwide เรียกว่าครบเครื่อง ครบวงจร จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดชายหนุ่มในวัยไม่ถึงสามสิบ จึงสามารถกำหนดทิศทางของการรณรงค์หาเสียงให้กับ Emmanuel Macron ได้อย่างรู้ใจ

ร่างสุนทรพจน์สะกดคนทั้งโลกให้รู้จัก Macron

ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อนทั้งสองคนพบกันครั้งแรกในปี 2009 ได้แลกเปลี่ยนแนวคิดแนวทางและความเห็นทางการเมืองจน “คลิก” เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นได้เริ่มงานในช่วงที่ผู้นำฝรั่งเศส ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง เมื่อปี 2016

Macron ชักชวน Emelien ให้มาร่วมก่อตั้งพรรค En Marche! และในปีต่อมาเมื่อตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส

คนรุ่นใหม่อย่าง Ismael Emelien ได้รับการไว้วางใจให้เป็นที่ปรึกษาพิเศษทางด้านกลยุทธ์การหาเสียงและปราศรัยติดตาม Macron ไปทุกที่ทุกเวลามีการวางแผนแบบก้าวทีละก้าว ประเมินผลกันแบบวันต่อวัน และวิเคราะห์คู่แข่งแบบคนต่อคน

ในวินาทีที่ผล เอ็กซิทโพล ประกาศออกมาว่า Macron ผู้นิยมนโยบายแบบขวากลาง ไม่ล้ำเส้น ไม่สุดโต่ง มีชัยชนะเหนือคู่แข่งโดยได้เสียงถึง 65% คนแรกที่ Macron โผกอดคือบริเจตต์ และคนที่สองก็คือ Ismael Emelien ผู้ที่ร่วมหัวจมท้ายด้วยกันมาตลอด 200 วัน

ในสารคดี Emmanuel Macron : Behine the Rise แสดงให้เห็นบทบาทหน้าที่ของ Emelien เสมือนมันสมองของผู้นำฝรั่งเศสคนใหม่ ตั้งแต่กลยุทธ์เชิงรับ เชิงรุก และที่ Macron ให้ความสำคัญมากคือเนื้อหาในการปราศรัยของเขาทุกครั้ง เมื่อยกร่างเสร็จแล้ว เขาจะอ่านทวนมันซ้ำไปซ้ำมา บนหน้ากระดาษจะเต็มไปด้วยหมึกสีน้ำเงิน แก้ไข ขีดเส้นใต้และวงตรงที่สำคัญไว้

บ่งบอกถึงความเป็นผู้นำที่ต้องโน้มน้าวประชาชนด้วยเหตุผล ถ้อยคำและจิตวิญญาณทางการเมือง!!

“ผมรู้ว่าจะพูดอะไร แต่ผมคิดคำนั้นไม่ออก ฝากคุณช่วยจัดการให้ที” Macron ย้ำกับมือขวาผู้รู้ใจของเขา

สะท้อนได้ว่า Macron ไว้ใจ Ismael Emelien เทียบกับกับที่ บารัค โอบามา อดีตปธน.สหรัฐอเมริกา ที่ไว้ใจ Jon Favreau หัวหน้าทีมเขียนสุนทรพจน์ให้เขาที่ทำเนียบขาว อย่างไรอย่างนั้น

 

ประกาศกร้าว ‘เราจะสร้างประเทศด้วยคนหนุ่มสาว’

ระหว่างการหาเสียงในช่วงแรก สต๊าฟทุกคนหวั่นเกรงว่าจะมีผู้มาฟังหัวหน้าพรรค En Marche! น้อย ประเมินว่าที่นั่งคงเต็มไม่เกิน 5,600 คนแต่สุดท้ายกลับมีผู้สนับสนุนมากถึง 12,000 คน และ Macron ก็ขึ้นพูดในวันนั้นด้วยหัวใจที่ฮึกเหิม

“ขอให้ทุกคนไปบอกคนทั้งประเทศถึงการหาเสียงครั้งนี้…ขอให้ฝรั่งเศสจงเจริญ และนี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”

ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง จุดเริ่มต้นของแคมเปญประวัติศาสตร์ในภาวะที่ฝรั่งเศสแตกแยกกันอย่างไม่เคยมีมาก่อนทะเลาะกันเละเทะ Macron คือความหวังที่จุดประกายไปสู่อนาคต

“ผมทำได้ดีมั้ย ผมรู้นะว่า ผมผิดพลาดจุดเล็กจุดน้อยเยอะมาก”

“ไม่ๆ คุณทำได้ดีแล้ว มีคนแสดงความเห็นเข้ามาตลอด ในระหว่างการถ่ายทอดสด” Emelien กล่าวถึงเสียงสะท้อนในเชิงบวก

นั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ ในทุกๆ รายละเอียดและทุกย่างก้าวของ Macron รวมถึงการแก้ข่าวลือที่ออกมาตลอดไม่ว่าเรื่องเมียแก่ เป็นเกย์ หรือการพูดพาดพิง โจมตี เรื่องของกลุ่มคนรักชาติพวกหัวรุนแรง รัฐอาณานิคมหรือนโยบายผู้อพยพ ฯลฯ

“เราจะสร้างประเทศด้วยคนหนุ่มสาว ด้วยความรู้ เพื่อไปสู่อนาคต”

หนึ่งเดือนก่อนการเลือกตั้ง ทุกๆ ที่ในฝรั่งเศส ทุกตรอก​ซอกซอยเต็มไปด้วยโปสเตอร์ใบหน้ามุ่งมั่นของ Emmanuel Macron

เมื่อคุณเดินไปตามท้องถนนก็จะเห็นคนใส่เสื้อที่สกรีนคำว่า “Macron คือประธานาธิบดี” ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกไปในทางบวก จนถึงวินาทีที่ Macron ต้องขึ้นเวที “ดีเบท” กับผู้สมัครคนอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีคาแรคเตอร์เรียกได้ว่า เขี้ยวลากดิน กินกันไม่ลง

“ไม่อยากให้พูดว่า…ผมจะเพิ่มค่าแรงสุทธิให้คุณเท่านั้น แต่ท่านต้องพูดว่า ผมจะเพิ่มค่าแรงสุทธิให้คุณพร้อมกับผลักดันให้คุณทำงานมากขึ้น ผมคิดว่าเราควรใส่คำหวานที่บวกด้วยคำรุนแรงทุกครั้ง” Emelien ติวเข้ม Macron ให้พร้อมก่อนขึ้นสู่เวทีใหญ่!!

ในเดือนเมษายน 2017 คะแนนของ Macron นำนางมารีน เลอแปงอยู่เล็กน้อย 24% ต่อ 23% เรียกได้ว่ายังไม่ขาด ทำให้เขาต้องหาเสียงเพิ่มขึ้นอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะกับกลุ่มสหภาพแรงงานที่มีแนวโน้มสนับสนุนนโยบายขวาจัด นั่นหมายถึงการปิดประเทศไม่ยอมรับโลกาภิวัฒน์

การดีเบทครั้งสุดท้ายของคู่แข่งทั้งสองคน Macron Vs Le Pen ซึ่งถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ แบบไมค์ต่อไมค์ ตัวต่อตัว นั่นคือ “โมเมนต์หยุดโลก” ของคนฝรั่งเศส เกิดขึ้นก่อนการเลือกต้ังจริงไม่กี่วัน และแน่นอนจะมีผลต่อ Voter ทุกคน และเขาก็ทำได้จริงๆ

Macron สามารถปราบคนที่เขาเรียกแบบประชดประชันว่า… “มาดามเลอแปง” ได้อยู่หมัด ไล่ต้อน โชว์สเต็ป ด้วยฝีปากคารมคมคาย เปี่ยมไปด้วยความรู้ในเชิงนโยบายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน นับเป็นความเหนือชั้นที่เกิดจากการทำการบ้านอย่างหนัก การเตรียมตัวอย่างดี และแน่นอน เขาเคียงข้างด้วยมือขวาคู่ใจอย่าง Ismael Emelien ผู้พรมน้ำหอมให้แก่ทุกๆ สุนทรพจน์ อิริยาบท ปราศรัย และนโยบาย ของ Emmanuel Macron ให้เดินเข้าสู่พรมแดง ณ ทำเนียบประธานาธิบดีได้อย่างสง่างาม

Macron ได้รับคะแนนเสียงอย่างท้วมท้น ก้าวขึ้นเป็นผู้นำฝรั่งเศสที่อายุน้อยที่สุดในวัยเพียง 39 ปี…เขาคือผู้เปลี่ยนทัศนคติของคนทั้งประเทศช่วยชาติฝ่าวิกฤติความแตกแยก และกำลังจะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองโลกในอีกไม่ช้าอย่างแน่นอน