ฉัตรชัย ตั้งจิตตรง

การได้สตาร์ทอัพปักหมุด ฝีมือคนไทย ในเวทีแสดงผลงานอิเลคโทรนิคส์ระดับโลก Consumer Electronic Association (CES) ที่สหรัฐอเมริกา โดย ซีอีโอ POMO House International และ ดรีมเบส อินเตอร์แอคทีฟ นามว่า ฉัตรชัย ตั้งจิตตรง คนนี้ ถือว่าน่าปรบมือให้

เมื่อเขาได้มีโอกาสไปเปิดตัวเทคโนโลยีนาฬิกาสุดล้ำโพโมะ คิดส์วอทช์ ฝีมือคนไทย ขวัญใจผู้ปกครองยุคดิจิตอล สร้างเซอร์ไพรส์ให้คนในวงการไอที และสร้างภาคภูมิใจให้กับประเทศไทยสุดๆ

แน่นอนว่า…กว่าจะมาถึงหมุดหมายความสำเร็จ! เขามี Passion ที่คิดและทำตามความฝันของตนเองได้อย่างกว้างไกลและมุ่งมั่นในเส้นทางสาย 4.0 นานกว่าทศวรรษ

หลังผ่านชีวิต มนุษย์เงินเดือนกับบริษัทข้ามชาติของสหรัฐ ฉัตรชัยใส่แรงขับเคลื่อนให้ชีวิต ไม่ได้ติดอยู่แค่ใน Safe Zone เพราะสนใจในธุรกิจด้านดิจิตอล และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาท้าทายชีวิตคนเราทุกวัน!

ซีอีโอคลื่นลูกใหม่ผู้ผ่านประสบการณ์ใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐหลังจบปริญญาตรีสถาปัตย์จุฬาฯตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค (NYU) แต่แพลนต้องพลิกผัน เมื่อเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในเมืองไทย ทำให้ค่าเงินพุ่งไปถึง 60 บาทต่อดอลลาร์ จึงต้องไปสวมบท เป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารไทยและปั๊มแกส ก่อนได้งาน Draft Man หรือคนเขียนแบบให้บริษัทในนิวยอร์ค ปรากฎว่าต้องใช้โปรแกรมออโตแคด

สุดท้ายจึงสนใจไปเรียนด้านคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมซึ่ง คลิกทันที!

“ผมลองไปเรียนรู้สึกว่าชอบทำได้คิดว่าเอาวะไม่เรียนสถาปัตย์แล้วตัดสินใจเรียนต่อ อินเตอร์แอคทีฟ เทเลคอม ของ NYU ซึ่งช่วงนั้น ถือว่าเป็นอะไรที่แอดวานซ์มาก ช่วยทำให้เราเข้าใจระบบโอเปอเรชั่นทั้งหมด และส่วนตัวก็มองเห็นอนาคตแล้วว่า เทคโนโลยีสำคัญจริงๆ เพราะช่วงนั้น โลกปี 2000 กำลังมีปัญหา Y2K ด้วย ทุกๆ บริษัทต่างให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก”

ปริญญาโทจาก NYU ถือเป็นใบเบิกทางให้เข้าทำงานด้านการเขียนเวปไซด์และแอนิเมชั่นในนครนิวยอร์คถึง 3 ปีจนเมื่อเกิดเหตุการณ์ 9/11 ถือเป็นจุดเปลี่ยนให้กลับมาใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย และได้ทำงานกับบริษัทข้ามชาติด้านไอทีและการตลาด รวมทั้งเทเลคอมยักษ์ใหญ่ค่ายดีแทค ก่อนที่จะหันมาเปิดบริษัทของตัวเองที่ชื่อ ดรีมเบส อินเตอร์แอคทีฟ 

จุดเริ่มต้นของธุรกิจ Digital Business นี้คือการเขียนโปรแกรมเจ๋งๆเวปไซด์สวยๆและวางแผนมาร์เก็ตติ้งออนไลน์อย่างได้ผลให้กับลูกค้าที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งและประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการพัฒนาแอพลิเคชั่น Watchever ให้กับดีแทค ซึ่งมียอดผู้เข้าชมนับล้านคน

“หลังเปิดบริษัทดรีมเบสฯได้ 5-6 ปีก็เริ่มคิดว่าจะเขียนโปรแกรมอย่างเดียวไม่ได้ควรมีโปรดักส์ของบริษัทด้วยจุดประกายให้เกิดสินค้าไอทีที่เป็นของเราเองคือนาฬิกาแบรนด์โพโมะ เพราะช่วงนั้นเรามีลูกพอดี ซึ่งแรกๆ ทุกคนก็บอกว่า เฮ้ย คนไทยทำแล้วจะขายได้เหรอ แต่ผมเชื่อมั่นว่า คนไทยทำได้”

ด้วยพื้นฐานความเป็นนักออกแบบสายงานสถาปัตย์ผสมผสานกับประสบการณ์ตกผลึก ในด้านดิจิตอล ทำให้ ดรีมเบสฯ กลายเป็นบริษัทคลื่นลูกใหม่ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ดีไซน์งานได้ตรงความต้องการของลูกค้า และเป็นช่วงที่ธุรกิจไอทีในประเทศไทย บูมสุดๆ ถือเป็นจุดสตาร์ทสำคัญและแรงส์

ฉัตรชัย ตั้งจิตตรง

POMO KidsWatch (โพโมะคิดส์วอทช์) คือโปรดักส์ที่เซอร์ไพรส์ตลาดไอที และได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของเด็กๆ และผู้ปกครองยุคใหม่ ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ ดูแลลูกๆ อย่างปลอดภัย ได้ตลอดเวลา เป็นนาฬิกาอัจฉริยะ โทรศัพท์ และ GPS tracker ในเวลาเดียวกัน ช่วยป้องกันเด็กหาย พลัดหลง ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสื่อสาร รับสัญญาณแจ้งเตือนสถานที่ของนาฬิกา ณ เวลานั้น หรือแจ้งเตือนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กได้ทันที

ตลอดช่วง 2 ปีโพโมะคิดส์วอทช์สามารถจำหน่ายได้แล้วในประเทศไทยสูงถึง 5 หมื่นเครื่อง กลุ่มเป้าหมายของเราคือพ่อแม่ที่มีลูกในวัย 4-10 ขวบ ซึ่งอัตราประชากรในกลุ่มนี้ ยังมีอีกมาก เชื่อว่าน่าจะขยายตลาดได้อีก

ฉัตรชัย ตั้งจิตตรง

ปัจจุบันนอกจากโพโมะคิดส์วอทช์จะขายเมืองไทยแล้วยังส่งออกไปต่างประเทศไม่ว่า สหรัฐ เม็กซิโก อาร์เจนติน่า ชิลี และ สิงคโปร์ ซึ่งมีช้อปอยู่ที่ถนนออชาด ส่วนในฮ่องกงและเกาหลี จะเปิดขายได้ประมาณไตรมาสสาม รวมทั้งการได้รับเชิญไปออกงาน CES ของสหรัฐ ทำให้เครือข่ายทางธุรกิจขยายตัว มีลูกค้าจากทางอเมริกาใต้ ยุโรปและอินเดีย ติดต่อมาไม่ขาดสาย

แต่ในมุมของฉัตรชัยการจำหน่ายและทำตลาดนาฬิกาแบบทั่วๆไปไม่ใช่คำตอบสุดท้ายไม่ใช่หมุดหมายแห่งความสำเร็จเพราะนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความคิดดีๆที่เขาคิดไว้ได้ก้าวไกลไปอีกขั้น!

“โมเดลใหม่ของเราคือจะไม่ได้ขายฮาร์ดแวร์แต่ลูกค้าจะสามารถใช้โพโมะในราคาถูกลงถ้าซื้อซิมการ์ด ที่เราโพรไวด์เน็ตเวิร์คเอง นั่นคือ เราพยายามทำเป็น โอเพ่น แพลทฟอร์ม เปิด API ให้ผู้นำโปรแกรมไปพัฒนาเขียนไอเดียมาได้ เพราะเราสร้างตลาดไว้ให้ ส่วนรายได้บริษัทก็จะแบ่งกับผู้พัฒนาคอนเทนท์ เช่น อนาคตโพโมะ จะดูแมป 3 มิติได้ รู้ว่าลูกจะอยู่ชั้นไหน หรือที่ไหน สามารถเลือกได้”

โดย อินเดีย อาจเป็นประเทศแรกที่นำแพลทฟอร์มจากโพโมะไปใช้ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา เพราะทางรัฐบาลอินเดีย คำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กและยาวชน ซึ่งมีสถานศึกษาถึง 20,000 แห่ง

“อินเดียต้องการแพลทฟอร์มเพราะสังคมกำลังมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยโรงเรียนหลายแห่งต้องมีการ์ดซีเคียวริตี้ทุกชั้นเค้าต้องการพัฒนาให้เป็น 3 จีเพื่อเป็น สมาร์ทสคูล สามารถนำโปรดักส์ของเรา พัฒนาต่อ ทั้งเรื่องการจ่ายค่าอาหารกลางวันได้ด้วย เป็น แคชสคูล หรือพ่อแม่จะรู้ได้ว่าลูกกินอะไร ช่วยเรื่องการยืมหนังสือจากห้องสมุด การออกกำลังกาย วิ่งเท่าไหร่ เดินเท่าไหร่ จะทราบหมด”

ฉัตรชัย ตั้งจิตตรง

นอกจากนี้ฉัตรชัยยังได้แตกสาขาทางธุรกิจออกไปโดยตั้งบริษัทลูกใหม่ๆขึ้นมาอาทิ บริษัท อัลฟ่า 8 ดูแลเรื่องการผลิตซอฟท์แวร์และเป็นตัวแทนจำหน่ายที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึง บริษัท ไอเดียป็อบ รับผิดชอบงาน ดิจิตัล มาร์เก็ตติ้ง

ทิศทางในอนาคตฉัตรชัยพุ่งเป้าไป 2 เซคเมนต์คือกลุ่มอายุต่ำกว่าอายุ 16 ปีและกลุ่มอายุสูงกว่า 60 ปีโดยในอนาคตดรีมเบสฯจะออกโปรดักส์ใหม่ ลาเต้ บาย โพโมะ นาฬิกาที่ช่วยให้ผู้สูงอายุ สามารถวัดความดัน วัดปริมาณออกซิเจนในเม็ดเลือด และแก้ปัญหาคนวัยเกิน 65 ปี ซึ่งมีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์ 30-40% โดยล่าสุดกำลังทดสอบระบบอยู่กับโรงพยาบาล

โปรดักส์ใหม่ๆ ที่เรากำลังคิดขึ้นมา ส่วนใหญ่เกิดการสังเกตในวิถีชีวิตประจำวัน รับฟัง เฝ้ามอง ดูประสบการณ์ที่เขาเล่าให้ฟัง แล้วเรามองแล้ว เห็นว่ามันใช่ มันมีโอกาส จะเอาสตอรี่ของแต่ละคนเข้ามาประกอบกัน ออกมาเป็นโซลูชั่นว่าจะใช้เทคโนโลยี แก้ปัญหาอย่างไร

สำหรับต้นแบบการใช้ชีวิตของคนๆ นี้ก็คือ

“ทุกๆอย่างจะดีไม่ดีอยู่ที่ตัวเองครับเราต้องเอาแนวคิดดีๆ ของแต่ละคนมาผสมกันพัฒนาจุดเด่นจุดด้อยและสุดท้ายอยู่ที่ตัวเองมากกว่าเพราะแม้แต่ สตีฟ จอบส์ ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีทั้งหมด”

นี่ล่ะ! คือกุญแจความสำเร็จของคลื่นลูกที่ 4.0 ซึ่งได้นำเทคโนโลยีมาเชื่อมกับแนวคิดและวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่… ฉัตรชัย ตั้งจิตตรง

—–เรียบเรียงจาก นิตยสาร ‘บรรดาเรา’ สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัยฯ——