11 วัน ของการเดินทาง ในแดนภารตะ ลัดฟ้าสู่ “ลาดักห์” เมืองทิเบตน้อยแห่งอินเดีย…
ปักหมุดแรก… “เดลลิ”… มีเวลาแค่ครึ่งวัน จากที่พัก ว่าจ้างรถสามล้อด้วยราคา 250 รูปี หรือราว 125 บาท ไปยัง ป้อมแดง(Red Fort) ระหว่างทางพบผู้คนขวักไขว่ ถนนหนทางคราคร่ำไปด้วยรถราที่เบียดเสียด หวาดเสียว ขับเฉียดกันแค่ช่วงลมหายใจ ผนวกกับเสียงแตรสนั่นลั่นพาลอาการไมเกรนจะกำเริบ
ถึงที่หมายด้วยอาการโล่งอก … “Red Fort” ป้อมขนาดใหญ่สวยงามอลังการ ก่อสร้างด้วยหินสีแดง สถาปัตยกรรมโมกุล ที่ก่อสร้างในสมัยของพระเจ้าชาห์ ชะฮาน เก่าแก่กว่า 300 ปี ภายในมีอาคารต่างๆ มากมายใช้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วตั้งแต่ปี 2550
รุ่งขึ้นบินสู่ลาดักห์ ด้วยพื้นที่ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 3,500 เมตร อากาศจะบางเบากว่าพื้นราบ…การเคลื่อนไหวจำต้องช้าลง …ชีวิตต้อง slow life ไปโดยปริยาย… เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว เตรียมพร้อมการเดินทาง ที่เกือบจะเป็นการผจญภัยในดินแดนทิเบตน้อย โดยมี “เลห์” เมืองหลวงแห่งลาดักห์ เป็นศูนย์กลางของการเดินทางตลอด 10 วัน
เริ่มต้นจากการตระเวณรอบเลห์กันก่อน แห่งแรกคือ เจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa) เจดีย์ที่อยู่บนเขาที่สร้างโดยพระชาวญี่ปุ่น ได้มองเห็นเมืองในมุมสูง บ้านเรือนหลังน้อยที่ถูกห้อมล้อมด้วยเทือกเขา คุมด้วยสีของฟ้าคราม … เป็นวิวแรกพบ ต้องมนต์เสน่ห์เริ่มให้หลงรัก…สานต่อมนต์สะกดที่วัดเซโม และ พระราชวังเลห์
รุ่งขึ้นออกเดินไปยังเส้นทางตะวันตก เป้าหมาย คือ หมู่บ้าน Lamayuru ระหว่างทางได้เห็นแม่น้ำสองสี จากการบรรจบกันของธารน้ำ 2 สาย ระหว่างแม่น้ำสินธุ หรือ Indus กับแม่น้ำซาสการ์ (Zanskar) กับวิวทิวเขาน้อยใหญ่สลับขับกับสีเขียวของทุ่งข้าว สีเหลืองของทุ่งดอกมาสตาร์ท และที่ประหลาดแปลกตาคือภูเขาลักษณะคล้ายกับพื้นของผิวดวงจันทร์ วิวที่มองจากจากวัด Lamayuru สวยงามดั่งภาพวาด ตะลึงแทบลืมหายใจ
กลับสู่เลห์ในวันรุ่งขึ้น เพื่อออกเดินไปยังหุบเขานูบรา( Nubra Valley) ที่อยู่ทางเหนือในวันถัดไป ผ่าน Khardungla Pass เส้นทางรถยนต์ที่สูงที่สุดในโลก สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 5,600 เมตร ทว่าเป็นฤดูร้อนแต่ อากาศเย็น หิมะเกาะสันเขาเป็นกำแพงขาว … ไม่อยากจะจินตนาการว่าหน้าหนาวนั้น…จะหนาวยะเยือกเพียงใด
พัก 2 คืนที่หมู่บ้าน Hunder หมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขา นอกจากบรรยากาศอันร่มรื่นชุ่มชื่นด้วยต้นไม้ ลำน้ำไหลหล่อเลี้ยงแปลงพืชผลการเกษตรทั้งหมู่บ้าน ผู้คนยังเป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายสวัสดีเป็นภาษาถิ่น “Julay” ให้ได้ยินจนชินหู
จากหมู่บ้าน Hunder ไปหมู่บ้าน Tur Tuk หมู่บ้านเล็กๆ ติดกับพรมแดนปากีสถาน วัฒนธรรมและหน้าตาของผู้คน จึงเป็นการผสมผสานกันระหว่างทิเบต อินเดีย และปากีสถาน นอกจากข้าวบาเลย์ ข้าวสาลี ที่น่าจะพืชเศรษฐกิจของหมู่บ้านแล้ว แอปปริคอท ลูกดกเต็มต้นดาษเดื่อนเต็มหมู่บ้าน หาง่ายๆประมาณมะม่วงบ้านเรา ก็น่าจะทำเงินได้ดี…. เด็กน้อย Turtukใจดีปีนป่ายเก็บลูกสดสุกพอประมาณมาให้ชิม…รสเปรี้ยวนิด หวานหน่อย ชุ่มน้ำ…อร่อยมากกกก หากเมื่อสุกเต็มที่ สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลไม้ตากแห้ง หรือแยมแอปปริคอทก็อร่อยไม่แพ้กัน
ก่อนกลับที่พัก แวะทดลองขี่อูฐสองหนอก… สนนราคาค่าขี่ 200 รูปี(ประมาณ 100บาท ) 15 นาที …เป็น 15 นาที ที่ระทึกและสนุกมาก คุ้มเกินราคาเลยทีเดียว
ระหว่างกลับจาก Nubra แวะชมวัด Diskit Monastery อารามวัดที่ใหญ่ที่สุดในเเทบ Nubra Valley ภายในประดิษฐานพระศรีอาริยเมตไตขนาดใหญ่มาก เเละยังเป็นจุดชมวิวที่สวยอีกแห่ง
กำหนดการเดิม จากNubra ไปทะเลสาบ Pangong แต่เนื่องจากเส้นทางที่ไปถูกตัดขาดจากหินถล่ม จึงต้องกลับมาเลห์ เพื่อใช้อีกเส้นทางในวันรุ่งขึ้น เป็นการเดินทางเหนือเฉียงไปฝั่งตะวันออก ทางลัดเลาะเขาเช่นเดิม 4 ล้อสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก โขยกโขกเขก ตามปุ่มหินนานกว่า 5 ชั่วโมง เมื่อถึงจุดหมาย ทะเลสาบที่สูงสุดในโลก 5000 เมตรจากระดับน้ำทะเล
…ความเหมื่อยล้าผ่อนคลาย ด้วยภาพความสวยงามมหัศจรรย์ ปรากฎอยู่ตรงหน้า ทะเลสาบ สีน้ำเงินเข้มอันกว้างใหญ่ ห้อมล้อมด้วยภูเขาสลับสี งดงามปรานภาพวาด…เสียดายเวลาน้อยไปนิด ..ก็จำลาทะเลสาบรสเค็มโขยกโขกเขกกลับเลห์อีกกว่า 5 ชั่วโมง…
จากทะเลสาบ Pangong เก็บกระเป๋าไปค้างคืนที่ Tsomoriri ทะเลสาบฝังตะวันออกอีกแห่งหนึ่ง ที่สวยงามไม่แพ้กัน นักท่องเที่ยวที่บางตา บรรยากาศทุ่งเขียวตัดกับสีฟ้าอ่อนของทะเลสาบ ฉากหลังเป็นภูเขา ความสวยงามคงเปรียบได้กับสาวแรกรุ่น เรียบร้อย น่ารัก น่าค้นหา ต่างกับทะเลสาบ Pangong สีน้ำเงินเข้ม ประหนึ่งเป็นสาวสวยจัดจ้าน ทันสมัย ที่ใครๆก็อยากพบอยากเห็น…
จบการเดินทาง 11 วัน เป็นอีกหนึ่งทริปแห่งความประทับใจ ครบสมบูรณ์ ทั้งไมตรีของผู้คน ธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม ขอบคุณสุดยอดพลขับที่นำพาเราไปสู่จุดหมายที่สวยงามได้อย่างปลอดภัย ขอบคุณเพื่อนพี่น้องเพื่อนร่วมทริปมิตรสร้างตำนานฮา
“ลาดักห์” ความท้าทายอีกแห่งสำหรับนักเดินทาง เส้นทางสายภูเขา ระยะทางไม่ยาวไกล แต่ขนาดสี่ล้อต้องใช้เวลาขับเคลื่อนปีนป่ายนานเป็นวัน อวัยวะภายในภายนอกส่ายสะบัดตามวิถีแห่งปุ่มหิน หากเมื่อถึงจุดหมาย พบกับความงดงามพาลตะลึง จนลืมความเมื่อยล้า หลงเสน่ห์โลกแห่งลาดักห์ เมืองหิมาลัย วิวจากรูปถ่ายคงบอกเล่าความสวยงามได้เพียงเสี้ยวหนึ่ง จากภาพที่ปรากฎด้วยสายตา เตรียมตัว หัวใจ และเวลา(และเงินเก็บบ้าง) เดินทางไปเปิดโลกกว้างกันค่ะ
—————————————-