การแพทย์แผนจีน อีกทางเลือกรักษาโรคด้วยหลักสมดุล

น่าแปลกที่เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิ จิทัล ยิ่งกลับทำให้คนโหยหาธรรมชาติ กลัวสารเคมี ดังนั้นศาสตร์อะไรก็ตามที่แนบชิ ดธรรมชาติ จึงได้รับความนิยมมากขึ้น รวมถึงการรักษาโรคด้วยการแพทย์ แผนจีน ซึ่งตอนนี้เป็นอีกทางเลือกที่ ได้รับการยอมรับ
.
โดยปัจจุบันประเทศไทยมีสถานบริ การด้านการแพทย์แผนจีนกระจายอยู่ ทั่วประเทศ รวมแล้วกว่า 300 แห่ง เป็นศูนย์แพทย์แผนจีนที่อยู่ ในโรงพยาบาลของรัฐ จำนวน 224 แห่ง ซึ่งสามารถเบิกจ่ายค่ารั กษาพยาบาลได้ตามสิทธิ และสถานพยาบาลที่เป็นภาคเอกชน จำนวน 103 แห่ง
.
ตามหลักการแพทย์แผนจีนจะรั กษาแบบองค์รวม ไม่ได้มองเป็นโรคๆ และจัดยารักษาเฉพาะโรค โดยแก่นการรักษาจะให้ความสำคั ญไปที่ “ชี่” (气) หรือ ลมปราณ ซึ่งเป็นสสารขนาดเล็กมากที่ ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเราทุกคน ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่ างกาย ลมปราณจะเคลื่อนไหวขึ้น ลง ออก เข้า เมื่อใดที่ลมปราณเคลื่อนที่ไม่ สมดุล อวัยวะก็จะทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ไปด้วย และเมื่อไหร่ที่ลมปราณไม่มี การเคลื่อนไหว ก็หมายถึงชีวิตสิ้นสุดลง
.
โดยชี่ในร่างกายจะแบ่งเป็น อิน และ หยาง หรือหยินหยางที่เรารู้จักนั่ นเอง โดยในชี่อินนั้น มีความหนาวเย็น ส่วนชี่หยางนั้นมีความอุ่นร้อน อินและหยางในร่างกายจะต้ องทำงานอย่างสมดุล หากไม่สมดุลจะทำให้เกิดโรคได้ เช่น เมื่อไหร่ที่เรากินอาหารไม่ดี ได้รับมลพิษ หรือเกิดความเครียด มีอารมณ์ขุ่นมัว ก็จะทำให้หยินและหยางเสียสมดุล แผนจีนเชื่อว่าก่อให้เกิดการเจ็ บป่วย
.
การรักษาแบบแพทย์แผนจีนมีอะไรบ้ าง? เรามาคุยกับ หมอจีนศรัณยพงศ์ โพธิประสิทธิ์ ซึ่งเป็นหมอหนุ่มที่ศรั ทธาในการรักษาด้วยแพทย์แผนจีนตั้ งแต่เด็ก และเลือกเรียนแพทย์แผนจีนที่วิ ทยาลัยนครราชสีมา ความศรัทธาทำให้เขาได้เกียรตินิ ยมอันดับ 1 เมื่อยิ่งไปฝึกปฏิบัติที่ โรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนแห่งเมื องเฉิงตู ในประเทศจีน รวมกว่า 6 เดือน ยิ่งทำให้เขามั่นใจในการรั กษาตามแบบแผนจีน
.
ความเชื่อมั่น และศรัทธาของหมอศรัณยพงศ์ ทำให้วันนี้ “เทียนซินคลินิก” ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลพลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ของเขา มีคนไข้เข้ามาไม่ได้ขาดจากทุ กภาคของประเทศด้วยอาศัยปากต่ อปาก โรคที่มาให้เขารักษา อันดับ 1 คือ หลอดเลือดสมอง ราว 50% อันดับ 2 ออฟฟิศซินโดรม ซึ่งมาด้วยอาการปวดคอบ่าไหล่ 20% อันดับ 3 หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท 10 กว่า% อันดับ 4 พอๆ กัน คือ ข้อเข่าเสื่อม อันดับ 5 ไมเกรน ราวๆ 5%
.
เขา เล่าว่า คนไข้ที่มาให้เขารักษาต้องเรี ยกว่า มาด้วยอาการไม่ธรรมดาแล้วทั้งนั้ น นั่นหมายถึงไปรักษามาหลายศาสตร์ แต่ไม่ได้ผลในระยะยาว ก็เลยมองหาการรักษาด้วยแผนจีน
.
หมอศรัณยพงศ์ อธิบายถึงโรคหลอดเลือดสมองว่า ตามสมมติฐานของแผนจีน ปัจจัยก่อโรคมาจาก 5 สาเหตุคือ ลม ไฟ เสมหะ เลือดคั่ง และภาวะพร่องในร่างกาย ทั้ง 5 ปัจจัยมาอุดกั้นทวารสมอง ซึ่งตามตำราแผนจีนโรคหลอดเลื อดสมอง แยกเป็น 2 กลุ่มอาการ คือ โรคกระทำต่อเส้นลมปราณ (จ้งจิงลั่ว) อาการหลัก คือ ใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง อัมพฤกษ์อัมพาตครึ่งซีก
.
และโรคกระทำต่ออวัยวะภายใน (จ้งจั้งฝู่) หมายถึงอาการรุนแรงแล้ว นอกจาก ใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง อัมพฤกษ์อัมพาตครึ่งซีกแล้ว จะมีการกำมือแน่น เกร็ง ท้องผูก ปัสสาวะไม่ออก หายใจแรง กัดฟัน เป็นต้น อาจมีปัญหาไปถึงการไม่มีสติรั บรู้
.
อย่างไรก็ตามโรคนี้หากมาหาหมอ หลังจากวันที่มีอาการไม่เกิน 3 เดือน หรือไม่เกิน 6 เดือน โอกาสหายได้มากถึง 80-90% แต่ก็ต้องอยู่ที่พฤติ กรรมของคนไข้ด้วย ต้องเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทั้ งหมด และหันมาใส่ใจสุขภาพอย่างจริงจั ง เพราะโรคนี้โอกาสกลับมาเป็นใหม่ ก็ได้ด้วยเช่นกัน หากเพิ่งมาหาหมอหลังจากเป็ นมาหลายปี ก็ยากที่จะฟื้นตัว แต่ก็มีบางรายยังต้องการให้ หมอรักษา เพราะเขาคิดว่าแม้ฟื้นตัวเพี ยงเล็กน้อย ก็ทำให้คุณภาพชีวิตของเขาดีขึ้ นแล้ว
.
วิธีรักษาหลักๆ ในการตรวจผู้ป่วยที่มาหาครั้ งแรก หมอศรัณยพงศ์ จะให้กรอกประวัติอย่างละเอียด มีการซักถาม การจับชีพจร การมองลักษณะภาพรวมของผู้ป่วย เช่น ใบหน้า การตรวจลิ้น หากเป็นฝ้าขาวมากๆ แสดงถึงสมดุลที่เสียไปของร่ างกาย
.
ส่วนวิธีการรักษาก็จะมีการฝั งเข็ม การครอบแก้ว การรมยา และยากิน ทั้งยาลูกกลอน และยาสมุนไพรจีน แบบผงสกัด เพื่อปรับสมดุลในร่างกายใหม่ ซึ่งโรคอื่นๆ ก็จะได้รับการรักษาหลักๆ แบบนี้เช่นเดียวกัน แต่ที่แตกต่างคือยาสมุนไพรสกั ดที่ต้องจัดให้เหมาะกับผู้ป่ วยแต่ละราย ซึ่งเขานำเข้าจากประเทศจีนทั้ งหมด
.
สำหรับการรักษาแต่ละแบบ ทำอย่างไรเรามาดูกัน ในส่วนของการ การฝังเข็ม ซึ่งเป็นการรักษาหลัก จะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กและบางฝั ง เข้าไปยังจุดต่างๆ ของร่างกายตามเส้นลมปราณ แบบเบามือ จากนั้นอาจมีการหมุนหรือขยับเข็ ม เพื่อสร้างพลังงานความร้อน และกระตุ้นด้วยไฟฟ้าแบบอ่อนๆ เข้าไปตามเข็มนั้นๆ โดยระยะเวลาการฝังเข็มส่วนใหญ่ จะอยู่ประมาณ 15 นาที
.
การครอบแก้ว เป็นการนำวัตถุลักษณะคล้ายถ้วย มาทำให้เกิดสุญญากาศ และครอบลงตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งภาวะสุญญากาศในแก้วจะดูดเลื อดมายังผิวหนังบริเวณที่ครอบแก้ วลงไป ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว
.
การรมยา เป็นการเผาสมุนไพร เพื่อรมยาบริเวณผิวหนัง และการอบความร้อนด้วยโคมไฟ มักใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธี การฝังเข็มหรือครอบแก้วเพื่อเพิ่ มประสิทธิภาพ ส่วนยาจะเป็น
.
สมุนไพรจีน มีทั้งแบบลูกกลอน และแบบสกัด แยกเป็นซองชงรับประทาน ไม่ต้องต้มให้เหนื่อยอีกต่อไป
.
และนอกจากโรคฮิตที่มีคนไข้ มาหาหมอจีนศรัณยพงษ์ให้รักษาแล้ ว ก็มีหลายโรคที่รักษาได้ด้ วยการแพทย์แผนจีน โดยเฉพาะโรคนอนไม่หลับ รวมถึงภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถรักษาในเรื่ องสิว ฝ้า กระ แล้วก็การลดความอ้วนด้วย สำหรับการรักษาแต่ละโรคจะต้องต่ อเนื่องเป็นคอร์ส 10-20 ครั้ง หรือประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งโดยเฉลี่ย ค่ารักษาหลักพันต่อคอร์สไปจนถึ งหลักหมื่น
.
ป้าบุญจันทร์ อายุ 61 ปี อาชีพทำไร่ทำนาในตำบลพลูตาหลวง หนึ่งในคนไข้ของหมอศรัณยพงษ์ ซึ่งมาให้หมอรักษาด้ วยอาการปวดกล้ามเนื้อ จนเดินเหินยาก แถมมาด้วยอาการชาตามแขนขา และมีอาการเวียนหัว จนทำมาหากินไม่ได้ การนอนในแต่ละคืนเป็นเรื่ องยากสำหรับป้า แก เล่าว่า รักษามาหลายทางแล้ว ทั้งทางแพทย์แผนปัจจุบัน ไปจนถึงไสยศาสตร์ รวมถึงการนวดด้วย แต่ก็ไม่ได้ผล “หายแป๊ปๆ ก็เป็นอีก” จนเห็นเพื่อนบ้านที่เป็นคนไข้ ของหมอมารักษาแล้วอาการดีขึ้น ตอนนี้เธอมาหาหมอ 4-5 ครั้งแล้ว อาการต่างๆ ทุเลาลง เมื่ออาการทางกายดีขึ้น เธอก็นอนหลับได้ ส่วนค่ารักษา ป้า บอกว่าไม่ต่างจากที่เสียเงินให้ กับหมอนวด เพราะป้านวดจนบ่อยมากจนนวดให้ คนอื่นได้แล้ว แต่อาการต่างๆ ก็ไม่หายไป
.
การที่หมอศรัณยพงศ์ เป็นที่รู้จักของชาวบ้าน เพราะได้จัดโครงการรักษาด้ วยการฝังเข็ม 8 บาทให้กับผู้ยากไร้ โดยเดินสายไปตามชุมชนต่างๆ ต่อเนื่องมาหลายปี เพิ่งหยุดในช่วงโควิดนี่เอง หมอ บอกว่า หลังโควิด ก็จะทำต่อ เพราะ เลข 8 คือ อินฟินิตี้ เป็นการทำความดีไม่สิ้นสุดสำหรั บเขา ซึ่งการทำโครงการนี้เองที่ทำให้ หมอเป็นที่รู้จัก ลามไปถึงคนไข้ในจังหวัดอื่นๆ ที่ตีรถไกลทุกภาคมาให้หมอรั กษาด้วย หมอศรัณยพงศ์ บอกว่า “ไม่เลือกปฏิบัติ ทุกคนคือคนไข้ของผม ที่ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด”
.
ตอนนี้ด้วยความสนใจการดูแลสุ ขภาพแบบองค์กรรวมตามแผนจีนที่ ขยายวงมากขึ้น หมอศรัณยพงศ์ จึงขยายมาทำศูนย์ฟื้นฟูดูแลผู้ ป่วยและผู้สูงอายุ เทียนซิน ตั้งในบริเวณเดียวกับคลินิกด้วย เพื่อการดูแลองค์รวมตั้งแต่ อาหารบำบัดโรค และกิจกรรมประจำวัน เช่น วารีบำบัด นวดถุยหนา หรือศาสตร์การนวดแบบจีนและกวาซา หรือการใช้อุปกรณ์ลักษณะโค้งมน เช่น หยก เขาควาย ขูดบริเวณผิวหนังตามเส้นลมปราณ และบริเวณจุดฝังเข็มตามร่างกาย หรือการอบสมุนไพร เป็นต้น
.
การรักษาและดูแลสุขภาพตามแผนจีน ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ควรไม่ควรมองข้าม แต่เมื่อตัดสินใจที่จะเข้ารั บการรักษาแบบแพทย์แผนจีนแล้ว ผู้สนใจควรหาข้อมูลเกี่ยวกับคลิ นิกและเลือกใช้บริการสถานบริ การสุขภาพที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิ ดขึ้น