จากกรุงเทพฯ ถึงอุ้มผาง ดินแดนลอยฟ้า ผ่านกว่า 1,200 โค้ง บนถนนหมายเลข 1090 แม่สอด-อุ้มผาง รวมเบ็ดเสร็จยานพาหนะรถตู้ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง… นำพาชาวคณะเพื่อภารกิจเดินป่า พิชิตเขายอดมะม่วงสามหมื่น และตามหาหัวใจดวงโตกลางผืนป่า ณ น้ำตกเปรโต๊ะลอซู หรือปิตุโกร

เส้นทางการเดินป่าแบ่งเป็น 3 ระยะ … ระยะแรก เป็นภารกิจเริ่มต้นตั้งเช้าที่เราไปถึง จากหมู่บ้าน กุยเลอตอ” เดินเท้าเข้าแคมป์ที่พัก ระยะทางราว 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3ชั่วโมง… ผ่านป่า ที่นา ไร่สวนของชาวบ้าน ให้เห็นความเขียวชะอุ่ม สบายตา

เส้นทางป่าเขา ทุ่งนา เขียวชอุ่ม

เป็นออเดิฟเริ่มต้นของการเดินเข้าป่าในวันแรก … ความชันเล็กน้อย ลุยลำธารบ้าง หากแต่พื้นดินที่ถูกฝนชะโลมกลายเป็นโคลนจึงทำให้การเดินยากลำบากเป็น 2 เท่า

ท้าทายของเส้นทาง ผ่านลำธารน้อยใหญ่ หลุม ลื่น จากพื้นดินโคลน

ระยะที่สอง เส้นทางไปน้ำตก ปิตุโกร ระยะทางจากแคมป์ราว 3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง

และระยะสาม เส้นทางขึ้นดอยมะม่วงสามหมื่น เดินเท้าจากแคมป์ไปประมาณ 5-6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ความชันก็จะเพิ่มขึ้นตามระยะทาง

โดยวันที่สอง ภารกิจคือ เราวางแผนเดินทางขึ้นสู่ดอยมะม่วงสามหมื่นก่อน และลงมาที่น้ำตกปิตุโกร…

รวมพลังสร้างกำลังใจพิชิตภารกิจ

ความชัน บริหารขา และหัวใจ ..เริ่มต้นตั้งแต่ย่างก้าวออกจากแคมป์ เรียกว่าชันๆๆ และนานๆๆ เพิ่มความยากด้วยฝนที่โปรยปรายมาอย่างต่อเนื่อง เปียก แฉะ ชื้น สะกดคำมาว่า “แห้ง” ไม่เป็นกันเลยทีเดียว

ระหว่างทางก็ภาวนาให้ฝนหยุดตก เพื่อเป็นรางวัลความขยันให้กับนักผจญภัย เมื่อถึงยอดเขา หวังฟ้าเปิด จะได้เห็น ได้เก็บภาพวิวธรรมชาติ เขาเขียวๆ แซมด้วยหมอกจางๆ อย่างชัดเจน

ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
ความท้าทายสังขาร ความชันที่เราต้องผ่านพ้น

จนแล้วจนรอด … ฟ้าฝนก็ยังไม่เป็นใจ ไม่แค่หยุด แต่ยังกระหน่ำตก แบบไม่ออมมือเลย … ผลคือ ฟ้าปิด หมอกหนาแน่น ระยะการมองเห็นไม่เกิน 20 เมตร อย่ากว่าแต่วิวเลย ระยะก้าวยังต้องระวัง … น้ำตาซึมแพ๊บ

ฝนกระหน่ำ หมอกโหดสุด

ดอยมะม่วงสามหมื่น มีจุดพักให้ชมวิวกันตั้งแต่ระยะหมื่นสอง หมื่นห้า สองหมื่น สองหมื่นห้า และสามหมื่น

แม้ฟ้าฝนทรมานเพียงใด… ยังมีพี่ๆ น้องๆ อีกกลุ่มสู้ไปถอย เดินต่อไปถึงพิชิตจุดสามหมื่นได้สำเร็จ

ส่วนเราอยู่ในกลุ่ม ที่ไม่ไปต่อ หยุดแค่หมื่นห้า…ถอดใจถอยลงเพื่อสานต่อภารกิจหา “หัวใจ” ณ น้ำตกปิตุโกร น้ำตกที่ได้ชื่อว่าใหญ่และสูงที่สุดในเมืองไทยกว่า 500 เมตร

ขาลงจากดอยมะม่วงจะใช้เวลาน้อยกว่า แต่ก็ใช้กำลังขาและเข่าเพื่อพยุงไม่ให้หัวคะมำมากกว่าเป็นเท่าตัว เพิ่มความอันตรายในช่วงที่ต้องผ่านธารน้ำตก ปริมาณน้ำมาก และไหลเชี่ยวแรง ปะทะแทบทรงตัวไม่อยู่ ต้องช่วยกันประคองลากจูง ทุลักทุเลพอสมควร

ฝนที่กระหน่ำตก…อาจจะไม่เป็นใจสำหรับภาพวิวบนดอย …

แต่สำหรับน้ำตกแล้ว.. 2 ธารน้ำจำนวนมาก ที่ไหลมาจากยอดเขามะม่วงสามหมื่น มาบรรจบพบกันระหว่างทาง กลายเป็น “หัวใจ” ดวงโตกลางผืนป่า สวยงาม ยิ่งใหญ่ สมบูรณ์ แบบไม่หักคะแนนเลย…พาลให้ได้ยิ้มชื่นใจสมกับความพยายาม ชดเชยความผิดหวังเล็กๆ บนดอยมะม่วงสามหมื่นได้

การเดินป่า ปีนเขา เส้นทางวิบาก ความยาก ทรมาน ณ ช่วงเวลานั้นคือ… โอดครวญร่ำร้อง อยู่ในใจน่าจะนอนอยู่บ้านสบายกว่า…. แต่การเดินทาง ความท้าทาย ก้าวข้ามความเหนื่อย เมื่อยล้า สนุกกับการพิชิตสังขาร ชนะอุปสรรค ไปจนพบกับความสวยงามของธรรมชาติ สุดท้ายคือปลื้มปริ่มและอิ่มเอม ก็แค่ “หลงรัก” และ อยากกลับไปหา “เขา” อยู่ร่ำไป

“สตั๊ดดอย” รองเท้ายาง ที่ยึดเกาะทุกสภาวะ น้ำ หิน ดิน โคลน ราคาประหยัดคู่ละ 60 บาท คุ้มค่าเกินราคากว่าแบรนด์เนมทั่วไป
เดินทางกลับแล้วจ้า