[siteorigin_widget class=”SiteOrigin_Widget_Image_Widget”][/siteorigin_widget]

ฉากฝันมิได้มีเพียงหิมะขาวๆแต่ทัศนียภาพแบบเมืองรองของ ‘Tazawako’ ในจังหวัด Akita ชวนให้เราหลับตา ค้นหาหลักไมล์ที่ซุกซ่อนไว้ในการท่องเที่ยวแบบญี่ปุ่น ซึ่งผู้คนมักมองหาความศิวิไลซ์ ขณะที่หลายคนกลับเห็นสิ่งเดียวกันในวิถีวัฒนธรรมอันนานเนา

ปฏิมากรรมสีทองอร่าม เมื่อมองไปสุดปลายยอดป่าสนกลางสายลมหิมะสีขาว พระพุทธองค์ตระหง่านล้ำอยู่บนเนินเขา ทำให้ผู้มาพักโรงแรม Tazawako Lake Resort & Onsen โลคอล-คลาสสิคโฮเทลในเมืองทาซาวาโกะ สามารถแลเห็นทิวทัศน์นี้ได้จากที่ไกลๆ ช่างงดงาม สะท้อนถึงศรัทธาสูงส่งตั้งแต่โบราณกาลของชาวอาทิตย์อุทัย ผู้แนบแน่นอยู่กับจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ

ที่พักแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างเขตจังหวัด Iwate และ Akita มีชาวญี่ปุ่นและคนต่างชาติต่างถิ่น แบกเป้ หิ้วกระเป๋าเดินทางเข้ามาไม่ขาดสาย ใครชื่นชอบที่นอนสไตล์ดั้งเดิมแบบ Futon นุ่มๆ สบายๆ ยิ่งช่วงเวลาที่หิมะโปรยปรายด้วยแล้วแทบไม่อยากลืมตา

 

สัมผัสประสบการณ์ชนบทแบบ Akita

เมื่อเรามาถึงสถานีรถไฟทาซาวาโกะจุดหมายปลายทางแห่งที่สองของทริป มองออกไปจะเห็นขุนเขาสีเทา Mt.Akita-Komagatake ยืนอยู่ท่ามกลางไอหมอกพร่าพราว…อืม..ขอเวลาซึมซับบรรยากาศแบบนี้สักนิดเพราะสถานีสวยจับใจ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ร้านรวงไม่มากนักเหมือนอย่างเมืองโมริโอกะที่เราเพิ่งโบกมือลามาหมาดๆ 

โดยพื้นที่สาธารณะนับได้ครึ่งหนึ่งของสถานีทาซาวาโกะ ถูกพัฒนาเป็น มิวเซียมทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แสดงการค้นพบโบราณวัตถุของชาวบ้านชาวเมืองสมัยก่อนนับพันปี และอินฟอร์เมชั่นเซ็นเตอร์เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนใช้เวลากับสถานที่ต่างๆ ในเมืองได้อย่างเข้าใจ

 

เราใช้บริการรถยนต์ของ JR rent a car อีกครั้ง แต่คราวนี้ดูเหมือนพนักงานจะเวลคัมคนต่างถิ่นดีจัง เพราะทราบดีว่าถ้าจะเที่ยวเมืองชนบทแบบนี้ ไม่มีรถไฟบนดิน-ใต้ดินอินเตอร์เหมือนมหานครใหญ่ สะดวกที่สุดคือเช่ารถขับซึ่งไม่ได้ยากอะไร พวงมาลัยขวาและเลนซ้ายเหมือนบ้านเราเปี๊ยบ ส่วนล้อยางทางบริษัทเค้าก็เปลี่ยนให้สอดคล้องกับสภาพถนนหิมะ ไม่น่ากลัวอย่างที่วิตกกัน

ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 20 นาที เราก็ขับถึงโรงแรม Tazawako Lake Resort & Onsen ฟ้าเริ่มขมุกขมัว เวลาเย็นในฤดูหนาวจะมืดสลัวเร็วทั้งที่ยังไม่ใช่หัวค่ำ เมื่อเช็คอินเรียบร้อยก็ต้องว้าวว a room with a view เพราะสามารถมองเห็นเทือกเขา Mt.Akita ได้จากห้องนอน พวกเราถูกโอบล้อมด้วยทิวทัศน์แห่งขุนคีรีที่ห่มคลุมด้วยหิมะโปรยปรายอย่างสงบ แสงเรื่อๆ สีขาว สีน้ำตาล และสีเทา เรียงลำดับเป็นชั้นๆ ทำให้บรรยากาศเหมือนหมู่บ้านในนิทาน

จากนั้นอย่ารอช้า ถ้าจะรู้จักบ้านเมืองของเค้าให้ลึกซึ้งต้องซึมซับผ่านอาหาร ดินเนอร์นี้มีแต่เสียงเจื้อยแจ้วจากผู้คนมากมาย ไลน์บุฟเฟต์เปิดแล้วละลานตาจริงๆ นี่คือความอุดมสมบูรณ์สไตล์โลคอลเจแปนนิสฟู้ดแท้ๆ ทั้งชาบูเนื้อ ปลาย่างเกลือ ผักดองตามฤดูกาล ไปจนถึงข้าวหน้าแกงกะหรี่ ฯลฯ เป็นคอร์สอาหารที่เราจะไม่ได้เจอในมหานครใหญ่ๆ โดยทางโรงแรมเค้าใช้คำว่านี่คือส่วนหนึ่งของ… a true “Akita” experience

พื้นที่ของเมืองทาซาวาโกะเทียบเท่าได้กับ อำเภอปัว จังหวัดน่าน ความหนาแน่นของธรรมชาติยังมากกว่าประชากรซึ่งมีแค่หลักหมื่นต้นๆ โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาญี่ปุ่นเคยมีการสำรวจแล้วว่า มีครัวเรือนอาศัยไม่ถึง 20 คนต่อตารางกิโลเมตร หนุ่มสาวหายไปไหนหมดเหลือไว้แต่อนุสรณ์สถานเพื่อการท่องเที่ยว เกษตรกร ชาวประมง และทัศนียภาพล้นเหลือ

เส้นทางท่องเที่ยวหลักๆ ที่นักเดินทางนิยมมาปักหมุดทาซาวาโกะ ก็คือลานสกี บนภูเขาที่มีให้เลือกหลายแห่ง นิวโตะออนเซ็น และ Lake Tazawa ทะเลสาบที่ลึกสุดในญี่ปุ่นด้วยสถิติ 423 เมตร สร้างเท็กซ์เจอร์รอบๆ ผืนน้ำที่แปลกตา รวมถึงสัตว์น้ำต่างๆ มากด้วยความอุดมสมบูรณ์ กลายเป็นชุมชนล้อมรอบมานานนับร้อยปี จนถึงปัจจุบันคือแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมือง

หิมะนุ่มดุจไหมและนิวโตะออนเซ็นกลางป่าลึก

เราขับรถออกจากที่พักแต่เช้าตรู่ เพราะรู้ว่าทางข้างหน้ามีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย แต่กว่าจะขึ้นรถได้ก็ต้องใช้อุปกรณ์ขูดเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะตั้งแต่กระโปรงหน้า หลังคา ไปจนถึงประตู เอาออกให้หมดก่อนและวอร์มเครื่องยนต์เล็กน้อยพออุ่นได้ที่ ก็ตั้งจีพีเอสไปกันเลย ข่าวดีคือหิมะที่โปรยปรายมาตลอดทั้งคืนหยุดลงแล้ว และฟ้ามีแสงพอให้ถ่ายรูปสวยๆ ได้ดีทีเดียว

เส้นทางเริ่มลาดขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเกล็ดน้ำแข็งสีขาวที่ถมทับป่าสองข้างทางก็หนาขึ้นเช่นเดียวกัน 

เรามาถึงทาวน์เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยรีสอร์ทออนเซ็นถ้าเป็นฤดูนี้ก็เหมาะกับนักสกีที่จะมาพักค้างคืน ส่วนฤดูใบไม้ร่วงก็คงเป็นใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูใบไม้ผลิก็มาชมดอกไม้ประจำชาตินานาพรรณ แต่จุดหมายปลายทางของเรา ณ เวลานี้คือ ออนเซ็นร้อยปีในป่า อาณาบริเวณที่เค้าบอกว่าอุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน้ำแร่สีขาวและมีเพียงไม่กี่แห่งบนภูเขาแห่งนี้….. The Nyuto-onsen-kyo Hot Springs Village ฮอตสปอตที่ซ่อนตัวอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติ the Towada-Hachimantai National Park

เมื่อขับรถขึ้นไป เค้าจะมีป้ายบอกทางแยกจากถนนใหญ่ลงไปสู่หุบเขาลึกสถานที่ๆ เก็บเนื้อเก็บตัวภายใต้หิมะสองข้างทาง ในอุทยานแห่งนี้มีนิวโตะออนเซ็นซึ่งเป็นโรงแรมโบราณที่มีชื่อเสียงมานาน จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ Ogama Onsen, Ganiba Onsen, Kyukamura Nyuto-onsen-kyo, Taenoyu, Tsurunoyu Onsen, Magoroku Onsen และ Kuroyu Onsen ทั้งหมดล้วนมีแหล่งน้ำแร่ของตัวเองที่ผุดขึ้นมาจากผืนพิภพ ซึ่งคุณภาพและสนนราคาการใช้บริการก็สูงตามไปด้วย แต่การจองที่พักค่อนข้างยากมากๆ ยิ่งช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมมากๆ คือป่าใบไม้เปลี่ยนสีประมาณเดือนตุลาคมสวยงามสุดบรรยาย และในฤดูหนาวที่บรรยากาศของราวป่าเหมือนอยู่ในมนต์สะกดของธรรมชาติ การได้อาบออนเซ็นน้ำนมจึงเป็นประสบการณ์อะไรที่ฟินมาก

โซนหมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นยังติดกับ Tazawako Skiing Area พื้นที่ๆ ผู้คนชอบมาเล่นสกีกันในช่วง 3-4 เดือน ตั้งแต่ปลายปีจนถึงต้นปี แต่ถ้าใครเล่นสกีไม่เป็นก็คงต้องเลือกจุดเหมาะๆ ไปก่อนว่า จะใช้บริการโซนไหนดี เพราะมีตั้งแต่รุ่นใหญ่ที่ให้นั่งกระเช้าขึ้นบนเขาสูงกว่า 1 กิโลเมตร และรุ่นทั่วไปที่ใครๆ ก็เข้าไปชื่นชมได้ตรงพื้นราบ รวมถึงยังสามารถเล่นกระดานโต้หิมะที่เค้าจะทำเนินไว้ให้เด็กๆ ไถลลงมาอย่างน่าสนุกสนาน 

เสร็จสรรพเราจึงเลือก ‘Lera’ ลานเล่นสกีแอเรียที่ใหญ่สุดในโซนนั้น เป็นแหล่งที่ได้รับการขนานนามว่ามี “the silky powder snow” หรือหิมะที่ละเอียดเหมือนแป้ง และนุ่มสลวยราวใยไหม และยังมีศูนย์อาหารขนาดใหญ่ไว้บริการ รวมไปถึง Tazawako Ski Shop ให้เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการในราคาไม่แพงอีกด้วย 

เมื่อได้เห็นบรรยากาศคนญี่ปุ่นเล่นสกีแล้ว รู้สึกเป็นไลฟ์สไตล์ที่น่าสนุกสนานดีจัง ไม่ใช่แค่วัยรุ่นเท่านั้นแต่คนสูงวัยมากมายต่างก็ใช้เวลาว่างๆ มาพักผ่อนด้วยกีฬาหน้าหนาว เสร็จแล้วก็ไปออนเซ็น …นี่คือเคล็ดลับอายุยืนหมื่นปีกระมัง เอาล่ะขอตั้งปณิธานว่าวันนึงจะต้องหัดเล่นบ้างแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นะ หรือจะรอให้หิมะตกที่เมืองไทยเหมือนที่หมอดูเคยทำนายไว้ก็ไม่รู้

ความอ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์ของเจ้าหญิง Tatsuko

มองดูเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว แต่สีสันของท้องฟ้ายังเทาๆ มีแดดพอให้แจ่มใสอยู่บ้าง แต่เกรงว่าค่ำนี้หิมะจะตกอีกแน่ จึงตัดสินใจรีบออกจากลานสกีเพื่อมุ่งสู่การชมแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงามอีกไฮไลต์หนึ่งของเมืองทาซาวาโกะ นั่นก็คือ Lake Tazawa เรามีนัดกับรูปปั้นเจ้าหญิงในทะเลสาบ ‘ดิ ไอคอน’ สำคัญที่นักเดินทางต้องการมายลโฉมมากที่สุด ส่วนหมู่บ้านซามูไรแม้จะฮิตติดดาวเช่นเดียวกัน แต่ระยะทางห่างไปพอสมควร คงต้องใช้เวลาเดินทางนานเดี๋ยวไว้โอกาสหน้าค่อยมาเยือนกันใหม่

ใช้เวลาขับรถมาสู่ถนนรอบทะเลสาบ Tazawa มีจุดแวะท่องเที่ยว 3-4 แห่งและโรงแรมแบบบูทิคโฮเทลขนาดประมาณ 30 ห้อง คิดว่าในฤดูท่องเที่ยวที่อากาศสบายๆ ตรงนี้คงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาสูดกลิ่นอายของความรัก แน่นอนหัวใจของพวกเราก็จดจ่ออยู่กับสิ่งเดียวกันและต้องไปถึงให้ได้

The Golden Tatsuko Statue อนุสรณ์สถานเจ้าหญิงทัตสุโกะ รูปปั้นสีทองจัดวางอย่างโดดเด่นอยู่กลางน้ำในทะเลสาบสีน้ำเงินเข้มที่เค้าบอกว่าลึกที่สุดในญี่ปุ่น 

ฉากหลังคือเทือกเขาสีน้ำตาล-เทาสุดสายตา เหมือนแกลเลอรี่งานศิลป์ ที่ดีเพลย์ท่ามกลางธรรมชาติ สร้างโมเมนต์ดีๆ ที่น่าจดจำอย่างแท้จริง คุ้มค่ากับการรอคอย หากไม่ใช่ฤดูหนาวก็จะมีเรือคายัคพายไปรอบๆ วนดูให้เห็นใกล้ๆ ว่าแววตาของเจ้าหญิงหม่นเศร้าหรือสุขสมอย่างไร

น่าแปลกที่แม้อากาศจะติดลบสักกี่องศา แต่น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ก็ยังคงใสกระจ่างเหมือนกระจก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกำเนิดจากหินภูเขาไฟและอีกส่วนคือตำนานปรัมปราของชาวบ้าน ที่เล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับ เจ้าหญิง Tatsuko ผู้ปรารถนาจะอ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์ จึงไปขอพระจากเทพเจ้า Konan หรือเจ้าแม่กวนอิมแห่งความกรุณา ผู้ปกปักษ์คุ้มครองรักษาประเทศญี่ปุ่นมาหลายชั่วอายุคน ท่านทรงบอกให้เจ้าหญิง Tatsuko เดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปหา น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (holy spring) เมื่อมาถึงทะเลสาบแห่งนี้เจ้าหญิงเชื่อว่านี่คือสิ่งพิเศษที่เธอตามหา เพราะสายน้ำที่ลึกล้ำที่สุด ใสกระจ่างที่สุด และไม่เคยเป็นน้ำแข็งแม้ในฤดูเหมันต์

เธอจึงเริ่มดื่มน้ำจากทะเลสาบทาซาวะและปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้นจริงๆ แต่ไม่ใช่ความอ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์อย่างที่เจ้าหญิงคิด แต่สิริโฉมที่งดงามกลับกลายเป็นมังกรน่าเกลียดน่ากลัว ทำให้เจ้าหญิงเสียพระทัยมาก ร้องไห้ และดำดิ่งสู่ก้นทะเลสาบ

ต่อมาแม่ของเจ้าหญิงออกตามหาทั่วทั้งผืนป่าและภูเขาลูกโน้นลูกนี้ จนกระทั่งมาพบว่า Tatsuko แปลงโฉมเป็นมังกรไปเสียแล้ว เธอขอให้ลูกสาวกลับไปอยู่ด้วยกัน แต่ Tatsuko อับอายเกินกว่าที่จะทำเช่นนั้น เธอยืนยันที่จะอยู่ภายใต้ผืนน้ำแห่งนี้ตลอดไป ผู้เป็นแม่เสียใจมากจึงโยนคบไฟลงไปในทะเลสาบและกลายเป็น ปลา Kunimasu หรือที่รู้จักกันดีในญี่ปุ่นว่าเป็นแซลมอนสีดำ สัตว์น้ำลึกลับโบราณที่สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 70 ปี กระทั่งล่าสุดถูกค้นพบอีกครั้งโดยนักสำรวจทางธรรมชาติจากมหาวิทยาลัยเกียวโต เมื่อปี 2010 และจุดที่ค้นพบก็คือทะเลสาบใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งมีทัศนียภาพคล้ายกับ Lake Tazawa

อนุสรณ์สถานแห่งเจ้าหญิง Tatsuko ถูกสร้างขึ้นในปี 1968 โดยรัฐบาลท้องถิ่น ปฏิมากรรมสีทองของหญิงสาวผู้มีสิริโฉมงดงาม สะท้อนเงาวิบวับในผืนน้ำ…ความใฝ่ฝันที่จะอ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์เป็นจริงเสียที และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีภาพยนตร์เกาหลีซีรีย์ชื่อดัง IRIS ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นฉากหลัง นั่นยิ่งทำให้รูปปั้นของเจ้าหญิงโด่งดังมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในฤดูหนาวหิมะสีขาวๆ ก็เป็นแบ็คกราวด์อย่างดีที่ทำให้ The Golden Tatsuko Statue โดดเด่นงดงาม

แสงแห่งสายัณห์…ทาบทาทุกๆ ที่ใน Tazawako เมืองเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหล เมื่อดูนาฬิกาถึงเวลาที่เราต้องบอกลาเทพนิยายเจ้าหญิงแสนงาม ขอจดจำโมเมนต์อันน่าเสน่หาแห่งเทือกเขา Mt.Akita-Komagatake ณ วันอันมืดครึ้มของฤดูหนาวยาวนาน บนถนนที่มุ่งกลับสู่สถานีรถไฟ Tazawako เพื่อออกเดินทางสู่จุดหมายแห่งต่อไป