Theme Park แห่งที่สองของดีสนีย์ ที่มาแล้วต้องไปคือ Disney-Epcot สวนสนุกขนาดใหญ่ภายใต้แนวคิด Future World หรือโลกล้ำอนาคตที่จะพาเรากลับไปสู่จินตนาการ สนุกสนานกับเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เทคโนโลยีที่จะพาคุณไปสำรวจรอบโลกแบบ 360 องศา ดำดิ่งลงใต้ทะเลลึก และท่องอวกาศอันอันไกลโพ้นนับล้านไมล์

“Travel Around the Globe, Under the Sea, into Outer Space… and Beyond!” เว็บไซต์ของดีสนีย์เวิร์ลเค้านิยามไว้อย่างนี้ล่ะ

แน่นอนครับ เมื่อเข้ามาใน Disney-Epcot แล้ว ก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับเจ้าสถานี Spaceship Earth ดิไอคอนของสวนสนุกที่รูปร่างคล้ายลูกโลกขนาดใหญ่มหึมาสีเงินเจิดจ้า ข้างในชวนให้ทุกคนมาร่วมกันสำรวจประวัติศาสตร์ของวิวัฒนาการจากยุคหินจนถึงยุคดิจิทัล

สวนสนุกถูกแบ่งออกเป็นโซนๆ สองฝั่งคือ Future World East และ West ส่วนโซนด้านในคือโชว์เคสของประเทศต่างๆ จากทั่วโลก ที่จะมีการสร้างดินแดนในฝันสุดอลังการ บ่งบอกความเป็นตัวเองขึ้นมาอย่างชัดเจนเรียกว่าเป็นทาวน์เลยก็ว่าได้ แต่ละจุดจะมีการแสดงแบบเอาท์ดอร์โชว์ที่ดึงดูดความสนใจ

รอบๆ ลากูนขนาดใหญ่ เป็นการสร้างฉากทัศน์ให้ทุกคนได้แชะภาพ ถ่ายรูปสวยๆ ไปอวดในโซเชียล ระหว่างทางก็จะมีซุ้มขายอาหารประจำชาติให้ลิ้มลอง เพราะอย่าลืมว่าที่ดีสนีย์เวิร์ลนั้นมีนักท่องเที่ยวจากทุกชาติทุกภาษาทั้งเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง มาเยี่ยมชมปีละนับสิบล้านคนทีเดียว

Disney Epic Map

พร้อมยัง! นั่งยานแม่ไปสำรวจดาวอังคาร

ผมใช้รองเท้าผ้าใบกับใจถึงๆ ตะลุยฝั่ง Future World East ก่อนเพราะโซนนี้ส่วนใหญ่จะเน้นเครื่องเล่นที่เป็น Super Space ทั้งหลาย โดยเฉพาะ Project Tomorrow: Inventing the Wonders of the Future ดีสนีย์พาเรานั่งยานแห่งความฝันที่บอกว่ามนุษย์นั้นมีการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา จนมาถึงปัจจุบันที่นักบินอวกาศของนาซ่าได้บุกเบิกไปไขปริศนาความลับของจักรวาลอันไพศาล

เด็กๆ จะได้เคลื่อนผ่านตัวเป็นๆ เหตุการณ์จริงๆ ในประวัติศาสตร์ที่จำลองไว้เหมือนนั่งไทม์แมชชีนย้อนกาลเวลาและเมื่อออกมาแล้วพวกเขาก็จะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของสถานีอวกาศแห่งนาซาล้ำยุค มีเกมส์และเครื่องเล่นแบบอินเตอร์แอคทีฟสำหรับทุกคนได้อย่างน่าสนใจ

ถ้าคุณชอบท่องอวกาศ อยากบอกว่าก็ยาวๆ กันไปครับ ด้วยเครื่องเล่น Mission Space ที่มันส์ยิ่งขึ้นอีก เพราะเจ้า shuttle simulator Journey to Mars ของนาซ่า ได้พาเราเหมือนนั่งยานแม่สำรวจโลกจริงๆ เมื่อเครื่องพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ตะลุยผ่านชั้นบรรยากาศไปถึง ดาวสีส้ม ตื่นตากับระบบสุริยะจักรวาลที่เต็มไปด้วยอุกกาบาตพุ่งชนจนหลบแทบไม่ทัน และเผชิญกับความหนาวเหน็บของน้ำแข็งบนสถานีอวกาศที่ไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ กระทั่งลงมาสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัยโดยมีทีมนักบินอวกาศจากองค์การนาซ่ามายืนปรบมือให้ โอวว นับเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนจริงๆ

โลกน่าหลงรักกับ Soarin Around the World

ส่วนเครื่องเล่นฝั่ง Future World West ไฮไลต์ก็ต้องยกนิ้วให้นี่เลย Soarin Around the World แรกๆ เข้าไปบอกตรงๆ ผมไม่ได้ตั้งความหวังเท่าไหร่ดูเพลนๆ ธรรมดาๆ เค้าพาเรานั่งเครื่องขึ้นไปสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ แล้วไม่ใช่ยานโคจรล้ำยุคครับแต่เป็นยานสำรวจข้ามพรมแดนที่สามารถล่องลอยสู่ฟากฟ้าและมองโลกได้แบบ Bird Eye View

สิ่งที่ได้เห็นทั้งหมดจาก Soarin คือบรรดาสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ถูกรวบรวมไว้ สถานที่อันงดงามตระการตาบนผืนดินจรดผืนน้ำ ได้เห็นปลาโลมาพุ่งจากมหาสมุทรลอยมาตรงหน้า ได้เห็นความยาวของกำแพงเมืองจีนและป้อมปราการต่อกันไปไม่มีที่สิ้นสุด ยอดเขาคิลีมันจาโร ปิรามิดแห่งอียิปต์ อนุสรณ์ความรักทัชมาฮาล น้ำตกไนแองกาลา และปารีสที่ประดับประดาด้วยแสงไฟ

ใครที่ชอบเห็นโลกทั้งใบด้วยมุมมองใหม่แบบ Scenic บนเครื่องเล่นที่สูงล้ำและจอภาพยนตร์ใหญ่ยักษ์จนเหมือนเราหลุดเข้าไปได้จริงๆ ปักหมุดว่านี่คือเครื่องเล่นที่สุดแสนจะน่าหลงใหล เล่นซ้ำไปซ้ำมาไม่มีเบื่อแน่นอน..ห้าดาวครับ

ขอลายเซ็น Queen Elsa แห่ง Frozen

Shop ที่นักท่องเที่ยวชอบไป เพราะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ระดับโลกอีกแห่งหนึ่งก็คือ Club Cool Hosted by Coca-Cola เพราะนอกจากจะมีซูวีเนียร์แบรนด์โคคาโคล่า ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแล้ว ยังจะได้ลิ้มรสกับโค้กในรสชาติแปลกๆ ที่เค้ารวบรวมสารพัดรูปแบบมาจากทั่วโลก เรียกว่ากดชิมได้ตามใจชอบ

อย่างรสชาติเมลอน กีวีแมนโก หรือสับปะรดซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีโคล่าแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่คงลิ้มลองกันแค่พอสนุกๆ หอมปากหอมคอ จะให้ทานน้ำอัดลมแบบนี้จริงจังคงต้องขอผ่านกลับมากินรสชาติดั้งเดิมซ่าส์ๆ แบบไทยๆ ล่ะคูลดีแล้วครับ

ส่วนร้านอาหารมื้อกลางวัน ผมได้เข้าไปทาน Lunch ที่ร้านอาหารนอร์เวย์ Akershus จองออนไลน์ไว้ตั้งแต่ที่เมืองไทยเพราะไม่ใช่แค่อาหารจากสแกนดิเนเวียที่สร้างแรงบันดาลใจ แต่เสน่ห์ของร้านนี้คือทุกคนจะได้พบกับ Queen Elsa และ Princess Anna ตัวจริงแห่งภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดัง Frozen ที่เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ทั่วโลก ล้วนต่างฝันว่าอยากจะได้สวมชุดเหมือนกับราชินีแสนงามแห่งเมืองหนาว

ไม่แปลกครับที่ความใจจดใจจ่อของทุกคน คงไม่ได้อยู่กับอาหารบนโต๊ะแบบสแกนดิเนเวียนสไตล์เท่านั้น แต่ไฮไลต์สำคัญคือจังหวะที่ Queen Elsa เดินมาหาเราที่โต๊ะ สังเกตเห็นเลยครับว่าลูกค้าร้าน Akershus ส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัวมีลูกเล็กๆ เด็กๆ ฝรั่งส่วนใหญ่จะใส่ชุดเจ้าหญิงมาเที่ยวกันแบบคอสต์เพลย์นั่นเลย เพราะเป็นโมเมนต์เดียวที่หนูน้อยจะได้ฝันเฟื่องไปไกลกว่าโลกของภาพยนตร์ เมื่อเค้าจะได้พบกับราชินีและเจ้าหญิงในโลกแห่งความจริง อาหารมื้อนี้จึงมีแต่รอยยิ้มเต็มใบหน้าไปหมด

Queen Elsa และ Princess Anna ก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังนอกจากความสวยสง่าแล้ว พวกเธอยังออกมาแจกลายเซ็น ทักทายเด็กๆ ด้วยความบริสุทธิ์สดใส ชวนทุกคนในร้านออกไปเต้นรำรอบๆ มอบความสุขปลื้มปริ่มให้แบบทุกอณูอย่างแท้จริง

ผมจึงอยากบอกว่าถ้าใครไปเที่ยว Disney-Epcot ต้องแวะมาทักทายร้านนี้ด้วย เป็นประสบการณ์ที่หายากและคงมีแต่ฮอลลีวู้ดเท่านั้นที่เปิดโลกจินตนาการได้ทุกที่ทุกเวลา จนอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง