จักรยานกว่า 300 คัน ค่อยๆ เคลื่อนผ่าน ณ จุดสตาร์ท โรงแรมปาร์ควิว รีสอร์ท ปัตตานี สถานที่ๆ บรรดานักปั่นล้วนเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่า ‘ขาแรง’ จากชายแดนใต้ หรือ ‘ขาลุย’ ที่ข้ามพรมแดนมาจากประเทศมาเลเซีย ช่วยทำให้เช้าตรู่ที่เคยเงียบงันกลายเป็นวันที่ 1 กันยายน 2561 ซึ่งมีแต่รอยยิ้มและความสุขสดใส
เมื่อทุกคนเตรียมพร้อมจะขี่ไปบนเส้นทางที่ขึ้นชื่อว่าทัศนียภาพสวยที่สุดแห่งหนึ่งของแดนสยาม….ถนนที่ถูกขนาบข้างด้วยป่าเขาลำเนาไพรอันบริสุทธิ์ และวิถีชีวิตของผู้คนที่ผูกพันกับศรัทธาและหลักศาสนาก็ยิ่งทวีความน่าสนใจ
“เราผลักดันโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจและจิตสำนึกรักถิ่นฐานบ้านเกิด ตามนโยบายของ KTBGS ที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรหัวใจหลักขององค์กร ” คุณอรจรรยา จันทวรสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ KTBGS กล่าวถึงวัตถุประสงค์กิจกรรม ‘ปั่นพิชิตเบตง ครั้งที่ 1 ปัตตานี–เบตง ยังคงโอเค’
จุดเริ่มความฝันของนักปั่นรักแผ่นดินเกิด
เธอเล่าให้ฟังว่า โปรเจกต์ปั่นจักรยาน เริ่มต้นจากนักปั่นกลุ่มเล็กๆ ที่มี ศรุติ ธรรมเจริญ พนักงาน KTBGS ผู้เปี่ยมด้วยความผูกพันกับชุมชนและมีประสบการณ์ขี่จักรยานบนเส้นทางสายปัตตานี-เบตงมาแล้ว ได้เห็นความสวยงามที่อยากแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้กับทุกคนซึมซับว่าบ้านเกิดของเขาไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด
ศรุติ ลุกขึ้นมา ออกแบบโครงการ เขียนความฝันเล็กๆ ของตัวเองและขอรับการสนับสนุนมายัง KTBGS ส่วนกลาง สอดคล้องกับนโยบายการดูแลเอาใจใส่พนักงานของคุณอรจรรยา ที่เชื่อว่าหากพนักงานมีแรงบันดาลใจที่ดีในการทำงาน การให้บริการลูกค้าก็จะดีตามไปด้วย
กระทั่งนำมาสู่การขยายแนวร่วมของกิจกรรม เมื่อทางกองทัพภาคที่ 4 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทราบเรื่องราวจึงอยากสนับสนุน เติมเต็มความฝันครั้งนี้
“กลุ่มนักปั่นจักรยานเป็นคนในท้องถิ่น เป็นชาวปัตตานีที่รักแผ่นดินเกิด พวกเค้าเพียงเพื่ออยากบอกว่าบ้านของเค้ายังมีความสงบ สันติสุข ทุกฝ่ายจึงรวมตัวกันขึ้นเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมนี้”
มนต์เสน่ห์เส้นทาง…สวยงามและปลอดภัย
ระยะทางจากอ.เมือง จังหวัดปัตตานี ขับขี่ถึง อ.เบตง จังหวัดยะลา เส้นทางรวมกว่า 160 กิโลเมตร แน่นอนว่าต้องได้รับการดูแลจากฝ่ายความมั่นคง เพราะสิ่งแรกที่นักปั่นทุกคนพูดถึงคือเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งทาง พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ลงมาดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่และร่วมอีเวนท์เปิดตัวกิจกรรมนี้ด้วยตัวเอง
“ผมถือว่านี่เป็นครั้งแรก ที่เรามีโครงการปั่นจักรยานบนเส้นทางสายนี้ นอกจากจะส่งเสริมให้ปัตตานีมีการจัดกิจกรรมกีฬามากขึ้นแล้ว ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัดได้อีกด้วย”
แม่ทัพภาคที่ 4 ย้ำว่า ผลพวงของโครงการนี้ช่วยทำให้ห้องพักโรงแรมในปัตตานีเต็มเกือบหมด เพราะมีนักปั่นและผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสื่อมวลชน มาร่วมงานถึง 400-500 คน เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้คึกคักและแสดงให้สังคมไทยเห็นว่าปัตตานีเราสงบปลอดภัยมากขึ้นอย่างไร
สิ่งที่สะท้อนความสำเร็จก็คือ ทีมนักปั่นไม่ได้มาจากแค่เมืองไทยเท่านั้น ยังมีพี่น้องชาวมาเลเซียข้ามพรมแดนมาร่วมงานถึงกว่า 100 คัน ทุกคนภูมิใจที่ได้สัมผัสเส้นทาง ซึ่งเคยอ่อนไหวและตกอยู่ในภวังค์ของความขัดแย้งมานานกว่า 10 ปีแล้ว กิจกรรม “ปั่นพิชิตเบตง ครั้งที่ 1 ปัตตานี–เบตงยังคงโอเค” ของ KTBGS จึงเป็นตัวจุดประกายความสนใจได้อย่างปลื้มปิติ
นักปั่นชาวมาเลเซียประทับใจสุดๆ
Waye Ong นักธุรกิจชาวมาเลเซีย อายุ 47 ปี บอกว่า มาร่วมปั่นจักรยานที่ประเทศไทย 2-3 ครั้งแล้ว เช่นที่ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดนครพนม แต่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสปั่นบนเส้นทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สักครั้งเดียว กิจกรรมครั้งนี้จึงน่าสนใจเพราะทราบมาว่าทิวทัศน์ของอำเภอเบตงมีความสวยงามและระบบการดูแลความปลอดภัยค่อนข้างดี
เช่นเดียวกับ ฐิติกิตติ์ อัลอิดรีสี ประธานกลุ่มนักขี่จักรยาน ‘Yamu’ จากอำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เล่าว่า ทางกลุ่มมีสมาชิกอยู่ในชุมชนประมาณ 100-200 คัน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท คนหนุ่มสาววัยทำงาน ทุกคนต่างชื่นชอบการขี่จักรยานเป็นชีวิตจิตใจ และมักจะนัดกันปั่นไปบนเส้นทางริมทะเลช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ บางคนถึงขั้นเก็บสะสมระยะทางเพื่อไปแข่งรายการออแด็กซ์ประเทศฝรั่งเศสด้วย
“ปกติเราชวนกันไปขี่จักรยานและทำกิจกรรมดีๆ กันอยู่แล้วครับ แต่เส้นทางปัตตานี-เบตง ถือว่าระยะทางที่ไกลพอควร และมีธรรมชาติป่าเขาที่สวยงาม เป็นหนึ่งในเส้นทางในฝันของเรา ที่อยากไปกันอยู่แล้ว”
ชัยชนะของการแข่งขันครั้งนี้ จึงไม่ได้อยู่ตรงเส้นชัยแต่อยู่ที่ ‘หัวใจอันงดงาม’ ของผู้เข้าร่วมทุกคน หัวใจเล็กๆ หลายดวงมารวมกันก็กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่
ทัศนียภาพแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ศรุติ พนักงาน KTBGS ผู้จุดประกาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าสองข้างทางไปอำเภอเบตงน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะเมื่อคราวที่เขาปั่นไปแล้วเกิดอุบัติเหตุล้มระหว่างทาง ชาวบ้านต่างออกมาช่วยเหลือดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี นี่จึงเป็นสิ่งที่ศรุติอยากบอกให้โลกได้รู้ว่าเบตงยังคงโอเค
“ถ้าคุณขับรถยนต์ไปเส้นทางสายนี้ ก็จะ ผ่านเลยความสวยงามทั้งหมด ผมจึงคิดว่าการขี่จักรยานคือวิธีที่ดีที่สุดในการได้สัมผัสธรรมชาติของพื้นที่และความสัมพันธ์อันดีของชาวบ้านไปด้วย”
ภาพนักปั่นจักรยานที่ทอดยาวสุดสายตา บนเส้นทางสายปัตตานี-ยะลา ผ่าน ผืนป่า ชาวบ้าน ร้านค้า วัด มัสยิด ล้วนทำให้สังคมไทยได้เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ….ต้องขอบคุณกิจกรรมดีๆ เช่นนี้ จาก KTBGS และกองทัพภาคที่ 4 ที่ช่วยให้ทุกคนได้เห็นมนต์เสน่ห์จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริง