เพลงแห่งสงครามเย็น
ไม่น่าแปลกใจ ว่าเหตุใด “บ็อบ ดีแลน” นักแต่งเพลง นักดนตรี และศิลปินชื่อดัง ผู้ต่อต้านสงครามมาตั้งแต่ในยุคปี ’60 จึงได้รับรางวัลโนเบลในสาขาวรรณกรรม 2016 ทั้งที่ไม่เคยเขียนเรื่องสั้นหรือนวนิยายซักเล่ม

ใช่แล้ว! แม้ ดีแลน ไม่ใช่นักเขียน แต่ทุกอณูแห่งบทเพลงของเขา ล้วนบอกเล่าเรื่องราวทาง การเมือง สังคม และวิถีชีวิตชาวอเมริกัน ได้อย่างถึงแก่น และสวยงาม

ใครที่ได้ฟังเพลง A Hard Rain’s a-Gonna Fall ซึ่งนักดนตรีวัย 75 ปีคนนี้แต่งไว้ตั้งแต่ปี 1962 หรือ 54 ปีที่ผ่านมา…ความหมายของมัน ยังดังก้องมาถึงหัวใจของโลกในยุค 4.0

ยิ่งถ้าได้ชมการ Tribute ของ แพทที สมิธ สตรีผู้ใกล้ชิดกับดีแลน ซึ่งเธอขึ้นไปร้องเพลงนี้ บนเวทีรับรางวัลโนเบล เมื่อ 10 ธันวาคม 2016 … ส่วนใหญ่ก็ต้องเสียน้ำตา และปลดปล่อยความเศร้าให้ปกคลุมหัวใจ

เพลงแห่งสงครามเย็นโดยเฉพาะในช่วงที่ตัว แพทที สมิธ เอง ถึงกับร้องไห้ออกมา เมื่อท่วงทำนองของเพลง มาถึงท่อนที่บอกว่า

“…Oh, what did you see, my blue-eyed son?

Oh, what did you see, my darling young one?

I saw a newborn baby with wild wolves all around it


I saw a highway of diamonds with nobody on it

I saw a black branch with blood that kept drippin’

I saw a room full of men with their hammers a-bleedin’

….”

 

“…โอ, เธอเห็นอะไรหรือ เจ้าเด็กน้อยผู้มีดวงตาสีฟ้า?

แล้วเธอเห็นอะไร ผู้เป็นที่รักของฉัน?

ฉันเห็นเด็กทารก ถูกล้อมรอบด้วยหมาป่าดุร้าย

ฉันเห็นไฮเวย์ที่มีเพชรล้ำค่า แต่กลับไร้ผู้คนอยู่ตรงนั้น

ฉันเห็นกิ่งไม้สีดำทะมึน กอปรด้วยคราบหยดเลือด

ฉันเห็นห้องที่เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ พร้อมด้วยฆ้อนสีแดงฉาน…”

เพลงท่อนนี้ฉีกหัวใจของผู้คน เพราะภาพที่ลอยมาสู่จิตใต้สำนึก คือความโหดร้ายทารุณของสงคราม โดยเฉพาะกรณีเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ชาวซีเรีย Omran Daqneesh

เมื่อปลายปี 2016 เขานั่งอยู่ในรถพยาบาลด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่งผงของซากปรักหักพัง พร้อมด้วยคราบเลือดเกระกรัง ผลพวงจากการโจมตีทางอากาศของรัฐบาลซีเรียที่เมืองอเลปโป

แม้ภายหลัง Omran Daqneesh จะรอดชีวิต แต่เขาก็ต้องพบกับ ลมหายใจที่โดดเดี่ยว เพราะสูญเสียพี่ชายในวัยเพียง 10 ขวบ

ท้องฟ้าเมืองอเลปโป จากเคยเป็นสรวงสวรรค์กลับกลายสู่สมรภูมิรบระหว่างกองกำลังรัฐบาล ที่รัสเซียหนุนหลัง กับฝ่ายกบฏต่อต้านประธานาธิบดี ซึ่งขยายวงไปเป็นการต่อสู้เพื่ออิสรภาพโดย กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอซีส

ขณะที่มหาสงครามซีเรีย ยึดเยื้อ กินเวลายาวนานมาถึง 5 ปี คร่าชีวิตผู้คนไป 290,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กผู้อ่อนเยาว์ถึง 15,000 คน 

ผู้อพยพนับล้านออกจากแผ่นดินเกิดเพื่อหนีตาย…จำนวนมากต้องเสียชีวิตจากเรืออัปปางกลางทะเล ดังเช่นเดือนกันยายน 2015 “อัยลาน เคอร์ดี” เด็กชายวัย 3 ขวบ 1 ในกลุ่ม12 ผู้อพยพ ที่ประสบเหตุเรือล่มนอกชายฝั่งเมืองโบดรุมของตุรกี ขณะกำลังพยายามเดินทางเข้าไปยังสหภาพยุโรป (อียู)

ภาพอันน่าสลดหดหู่ริมชายหาด ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจนับล้าน ในโลกออนไลน์ และโศกนาฎกรรมกลายมาเป็นนโยบายช่วยเหลือผู้อพยพครั้งใหญ่ของอียู แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะสงครามกลางเมืองซีเรียนั้น ซับซ้อน และมีตัวละครเกี่ยวพันมากมาย รวมถึงสหรัฐ

เพลง A Hard Rain’s a-Gonna Fall ได้รับการตีความจากสังคมอเมริกันว่า นี่คือหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดของ บ็อบ ดีแลน ซึ่งพูดถึงผลพวงของ “สงครามเย็น” ตั้งแต่ยุคที่ขู่ยิงนิวเคลียร์กันไม่เว้นแต่ละวัน ทั้ง สหรัฐ โซเวียต จีน คิวบา ทุกๆ ฝ่าย ล้วนพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์กันอย่างไม่กลัวเกรง

มาจนถึงทุกวันนี้ แม้เหตุการณ์จะคลี่คลาย แต่สถานการณ์ยังคงไม่น่าไว้วางใจ เพราะ อาณาจักรแห่งความกลัว ได้แผ่ซ่านไปถึงกรณี เกาหลีเหนือ ตะวันออกกลาง และทะเลจีนใต้ รวมถึงความไม่แน่นอนของนโยบายนิวเคลียร์ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าปี 2017 คือปีแห่งสงครามเย็นและแผ่นดินร้อน อย่างแท้จริง!

ท่อนฮุค เพลง A Hard Rain’s a-Gonna Fall มีการใช้วลีคำซ้ำๆ กันถึง 5 ครั้ง เพื่อตอกย้ำ สื่อสาร และสร้างการจดจำให้ผู้คน ถึงภัยจาก “ฝนเหล็ก” ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า…

it’s a hard, and it’s a hard, it’s a hard, and it’s a hard

And it’s a hard rain’s a-gonna fall

ดีแลน ไม่ได้เดินทางไปรับรางวัลโนเบล 2016 ด้วยตัวเอง แต่เขาได้มอบสุนทรพจน์ที่สวยงามเอาไว้ โดยเปิดโอกาสให้ทูตอเมริกันประจำสวีเดน อซิตา ราจิ เป็นผู้กล่าวแทน

“ผมแต่งเพลงไว้มากมายและเล่นคอนเสิร์ตนับพันครั้ง บทเพลงคือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และเป็นศูนย์กลางสรรพสิ่งที่ผมได้ทำมาตลอดชีวิต บทเพลงได้นำไปสู่การค้นพบสถานที่ ซึ่งเปี่ยมด้วยวิถีชีวิตของผู้คน มากมายด้วยวัฒนธรรมแตกต่างหลากหลาย และผมดีใจที่จะทำเช่นนั้น…” 

เขาได้ตั้งคำถามด้วยว่า “Are my songs literature?” ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว เมื่อได้ยินเพลง … A Hard Rain’s a-Gonna Fall

##########

Oh, where have you been, my blue-eyed son?เพลงแห่งสงครามเย็น

Oh, where have you been, my darling young one?

I’ve stumbled on the side of twelve misty mountains

I’ve walked and I’ve crawled on six crooked highways

I’ve stepped in the middle of seven sad forests

I’ve been out in front of a dozen dead oceans

I’ve been ten thousand miles in the mouth of a graveyard

And it’s a hard, and it’s a hard, it’s a hard, and it’s a hard

And it’s a hard rain’s a-gonna fall

Oh, what did you see, my blue-eyed son?

Oh, what did you see, my darling young one?

I saw a newborn baby with wild wolves all around it

I saw a highway of diamonds with nobody on it

I saw a black branch with blood that kept drippin’

I saw a room full of men with their hammers a-bleedin’

I saw a white ladder all covered with water

I saw ten thousand talkers whose tongues were all broken

I saw guns and sharp swords in the hands of young children

And it’s a hard, and it’s a hard, it’s a hard, it’s a hard

And it’s a hard rain’s a-gonna fall

And what did you hear, my blue-eyed son?

And what did you hear, my darling young one?

I heard the sound of a thunder, it roared out a warnin’

Heard the roar of a wave that could drown the whole world

Heard one hundred drummers whose hands were a-blazin’

Heard ten thousand whisperin’ and nobody listenin’

Heard one person starve, I heard many people laughin’

Heard the song of a poet who died in the gutter

Heard the sound of a clown who cried in the alley

And it’s a hard, and it’s a hard, it’s a hard, it’s a hard

And it’s a hard rain’s a-gonna fall

Oh, who did you meet, my blue-eyed son?

Who did you meet, my darling young one?

I met a young child beside a dead pony

I met a white man who walked a black dog

I met a young woman whose body was burning

I met a young girl, she gave me a rainbow

I met one man who was wounded in love

I met another man who was wounded with hatred

And it’s a hard, it’s a hard, it’s a hard, it’s a hard

It’s a hard rain’s a-gonna fall

Oh, what’ll you do now, my blue-eyed son?

Oh, what’ll you do now, my darling young one?

I’m a-goin’ back out ’fore the rain starts a-fallin’

I’ll walk to the depths of the deepest black forest

Where the people are many and their hands are all empty

Where the pellets of poison are flooding their waters

Where the home in the valley meets the damp dirty prison

Where the executioner’s face is always well hidden

Where hunger is ugly, where souls are forgotten

Where black is the color, where none is the number

And I’ll tell it and think it and speak it and breathe it

And reflect it from the mountain so all souls can see it

Then I’ll stand on the ocean until I start sinkin’

But I’ll know my song well before I start singin’

And it’s a hard, it’s a hard, it’s a hard, it’s a hard

It’s a hard rain’s a-gonna fall

“โอ เธอไปอยู่ที่ไหนมาหรือ เจ้าเด็กน้อยผู้มีดวงตาสีฟ้า?

เธอไปอยู่ไหนมา ผู้เป็นที่รักของฉัน?

ฉันตุปัดตุเป๋อยู่ริมทาง 12 เทือกเขาแห่งสายหมอก

ฉันเดินไปกอบเก็บข้อมูลของ 6 ไฮเวย์ที่คดเคี้ยว

ฉันก้าวไปครึ่งทางใน 7 ชายป่าอันแสนเศร้า

ฉันเผชิญหน้ากับ 12 มหาสมุทรแห่งความสิ้นหวัง

ฉันไปนับหมื่นไมล์ สู่ปากประตูของสุสาน

และมันก็หนักหน่วง หนักหน่วง หนักหน่วง และหนักหน่วง

มันคือฝนที่กำลังจะโปรยปรายอย่างหนัก

เธอเห็นอะไรหรือ เจ้าเด็กน้อยผู้มีดวงตาสีฟ้า?

เธอเห็นอะไร ผู้เป็นที่รักของฉัน?

ฉันเห็นเด็กทารก ถูกล้อมรอบด้วยหมาป่าดุร้าย

ฉันเห็นไฮเวย์ที่มีเพชรล้ำค่า แต่กลับไร้ผู้คนอยู่ตรงนั้น

ฉันเห็นกิ่งไม้สีดำทะมึน กอปรด้วยคราบหยดเลือด

ฉันเห็นห้องที่เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ พร้อมฆ้อนสีแดงฉาน

ฉันเห็นบันไดสีขาว ที่เต็มไปด้วยน้ำ

ฉันเห็นผู้คนพูดคุยกันนับหมื่น แต่ลิ้นของเขาแตกสลาย

ฉันเห็นปืนกลและดาบแหลม ในมือของวัยเยาว์

และมันก็หนักหน่วง หนักหน่วง หนักหน่วง และหนักหน่วง

มันคือฝนที่กำลังจะโปรยปรายอย่างหนัก

และเธอได้ยินอะไรมาหรือ เจ้าเด็กน้อยผู้มีดวงตาสีฟ้า?

เธอได้ฟังอะไรมา ผู้เป็นที่รักของฉัน?

ฉันได้ยินเสียงของสายฟ้าฟาด ที่ดังก้อง

ฉันได้ยินเสียงคำรามของคลื่นใหญ่ ที่โถมใส่คนทั้งโลก

ฉันได้ยินคนตีกลองนับร้อย ที่มือโหมกระหน่ำดังพายุ

ฉันได้ยินเสียงกระซิบนับหมื่นครั้ง ที่ไม่มีใครรับฟัง

ฉันได้ยินคนอดอยาก หิวโหย และอีกหลายคนกำลังหัวร่อ

ฉันได้ยินเสียงฮัมเพลงของกวี ที่หายใจรวยรินในรางน้ำ

ฉันได้ยินเสียงฝูงชนที่โหยไห้ อยู่ในซอกหลืบมืดมิด

และมันก็หนักหน่วง หนักหน่วง หนักหน่วง และหนักหน่วง

มันคือฝนที่กำลังจะโปรยปรายอย่างหนัก

โอ…เธอพบอะไร เจ้าเด็กน้อยผู้มีดวงตาสีฟ้า?

ใครที่เธอพบพานมา ผู้เป็นที่รักของฉัน?

ฉันพบกับเด็กบริสุทธิ์ ข้างๆ ลูกม้าที่ขาดใจตาย

ฉันพบคนผิวขาว ที่เดินไปมากับหมาสีดำเข้ม

ฉันพบหญิงอ่อนวัย ที่ร่างกายถูกเผาไหม้เกรียม

ฉันพบเด็กสาวที่นำสายรุ้งสวยมามอบให้

ฉันพบผู้ชายคนนึง ที่เจ็บปวดรวดร้าวจากความรัก

ฉันพบผู้คนหลากหลาย ที่เจ็บปวดจากความเกลียดชัง

และมันก็หนักหน่วง หนักหน่วง หนักหน่วง และหนักหน่วง

มันคือฝนที่กำลังจะโปรยปรายอย่างหนัก

 

เธอรู้อะไรหรือ เจ้าเด็กน้อยผู้มีดวงตาสีฟ้า?

เธอทำอะไรอยู่ตอนนี้ ผู้เป็นที่รักของฉัน?

ฉันกำลังเดินไปสู่อนธการ เมื่อฝนเทลงมา

ฉันกำลังเยื้อย่างไปดินแดนลึกสุดของพงไพรที่มืดมน

สถานที่ซึ่งมีมนุษย์มากมาย และมือของพวกเขาว่างเปล่า

สถานที่ๆ ยาพิษ กำลังท่วมแหล่งน้ำ

สถานที่ๆ บ้านในทุ่งกว้าง ราวกับคุกโสโครกอับชื้น

สถานที่ๆ ใบหน้าของเพชฌฆาต คอยหลบซ่อนอยู่เสมอ

สถานที่ๆ คนหิวโหยถูกมองว่าอัปลักษณ์ และจิตวิญญาณถูกหลงลืมสิ้น

สถานที่ๆ ความมืดบอดคือสี และความไม่มีคือตัวเลข

ฉันบอกเล่าและคิดถึงสิ่งเหล่านั้น พร้อมหายใจมันเข้าไป

สิ่งต่างๆ ได้สะท้อนมาจากยอดเขา ที่ซึ่งดวงวิญญาณสามารถมองเห็น

และฉันยืนอยู่ในมหาสมุทร จนกระทั่งค่อยๆ จมลงไป

ฉันรู้ความหมายของเพลงนี้อย่างดี ก่อนที่จะเริ่มต้นขับกล่อม

และมันก็หนักหน่วง หนักหน่วง หนักหน่วง และหนักหน่วง

มันคือฝนที่กำลังจะโปรยปรายอย่างหนัก