“สิ่งที่พระองค์ได้พระราชทานคือ ให้องคมนตรีช่วยลดความแตกต่างของมาตรฐานทางการศึกษาระหว่างชนบทกับในเมือง…รับสั่งว่า เมื่อเราส่ังสอนเด็กให้เป็นคนดีแล้ว เค้าก็จะเป็นคนเก่งได้ไม่ยาก”

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงให้ความสำคัญต่อระบบการศึกษาไทยมาตลอดรัชสมัย

ภาพของพระองค์คือต้นแบบในฐานะ “ครู” ผู้ให้ความรู้เยาวชน เป็นองค์ราชูอุปถัมภ์โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และความเสียสละส่วนพระองค์ สร้างแรงบันดาลใจยิ่งใหญ่ให้บุคลากรการศึกษาทั่วประเทศ

แม้ขณะประทับณโรงพยาบาลศิริราชเพื่อรักษาอาการพระประชวรเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เชิญคณะองคมนตรีเข้าพบ และมีกระแสพระราชดำรัส ขอให้ช่วยยกระดับมาตรฐานการศึกษาที่มีคุณภาพ ควบคู่กับคุณธรรม จริยธรรม สร้างโอกาสนักเรียนที่ขาดแคลน ควบคู่กับการพัฒนาความรู้ครู เพื่อแนะแนวอนาคตเด็กไทยสู่ทรัพยากรที่มีคุณค่า

“สิ่งที่พระองค์รับสั่งในวันนั้นก็คือสภาพการศึกษาของเราไม่ได้มีความเท่าเทียมกัน ในชนบทห่างไกลมาตรฐานทางการศึกษาด้อยกว่าโรงเรียนที่อยู่ในเมือง โรงเรียนที่อยู่ในชุมชนก็มุ่งเน้นที่จะส่งเสริมให้เด็กเป็นคนเก่ง สิ่งที่พระองค์่ท่านได้พระราชทานให้องคมนตรี รับไปดำเนินการคือ หนึ่งช่วยลดความแตกต่างของมาตรฐานทางการศึกษาระหว่างชนบทกับในเมืองลงบ้าง และสองพระองค์ทรงเน้นเรื่องของการสร้างคนดี รับสั่งว่าเมื่อเราส่ังสอนเด็กให้เป็นคนดีได้แล้ว เค้าจะเป็นคนเก่งได้ไม่ยาก”

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมการ โครงการกองทุนการศึกษา กล่าวระหว่างเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการเพิ่มขีดความสามารถครูมัธยมกว่า 100 คนว่า …. การดำเนินงานเพื่อสนองพระราชดำรัสในเวลาต่อมา คือจัดให้มี “กองทุนการศึกษา” ในปี 2555 ที่มีระบบการบริหารจัดการที่คล่องตัว มีประสิทธิภาพ และไม่มุ่งเน้นเพียงส่งเสริมเรื่องการเรียนอย่างเดียว แต่พระองค์ยังทรงเป็นห่วงเรื่องครูด้วย จะทำอย่างไรให้ครูมีความเป็นอยู่ที่มีความพอเพียง สบายพอสมควร เพื่อจะได้มีกำลังใจสอนเด็กๆ ได้ต่อไป เป็นที่มาในการซ่อมแซม ปรับปรุง สร้างบ้านพักครูให้โรงเรียนบางส่วน รวมถึงแก้ปัญหาหนี้สินครู ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่พระองค์ทรงห่วงใย

สำหรับความร่วมมือระหว่างกองทุนการศึกษากับ โครงการ Samsung Career Discovery ‘ค้นพบตัวเอง ค้นพบอาชีพ’ ของ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เพราะเห็นความสำคัญของการแนะแนวอาชีพในอนาคต เนื่องจากตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่าน เราพบว่าเด็กที่ได้รับทุนถึง 80% เลือกอาชีพในอนาคตว่าต้องการเป็นครูสอนหนังสือ แม้จะสะท้อนความรู้สึกของพวกเขาจริงๆ แต่บางส่วนก็อาจจะเลือกเพราะมีข้อจำกัด ที่ไม่ได้รับการแนะแนวอาชีพอย่างดีพอ ดังนั้น กองทุนการศึกษา จึงไม่อยากให้นักเรียนต้องพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไป เพราะการเลือกอาชีพต้องอาศัย 2 ส่วน คือความรักและทักษะ จะทำให้ได้งานที่ตรงกับความสามารถอย่างแท้จริงและประสบความสำเร็จในที่สุด

คุณหญิง กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา

คุณหญิง กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมการประสานงานโครงการกองทุนการศึกษา กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการจัดตั้งโครงการกองทุนการศึกษาในปี 2555 ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 4 รุ่น รวม 155 โรงเรียน ประกอบด้วย สถานศึกษาในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) จำนวน 143 โรงเรียน และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) อีก 12 โรงเรียน ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ หรือได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และมีความสำคัญต่อความมั่นคงชายแดน

ในช่วงที่ผ่านมากองทุนฯได้มอบความช่วยเหลือในการพัฒนาปรับปรุงอาคารสถานที่ทุนการศึกษาอุปกรณ์การเรียนต่างๆสร้างคุณธรรมจริยธรรมแก่นักเรียนและมอบสวัสดิการที่จำเป็นให้แก่ “ครู” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบการศึกษา ได้พัฒนาองค์ความรู้ ความสามารถ ปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพ

ระบบการศึกษาที่เท่าเทียมแม้จะเป็นเพียง “บางส่วน” ของพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่ก็เป็นหัวใจสำคัญและเป็นพื้นฐานของ “ทุกสิ่ง” ในการพัฒนาประเทศ คือสร้างเด็กไทยให้มีคุณภาพในอนาคต